สำนักข่าวท้องถิ่นของอิหร่าน รายงานแถลงการณ์จากรัฐบาลว่า ทางการอิหร่านจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดในเรื่องของการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอีกต่อไป ซึ่งนับเป็นการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ที่อิหร่านเคยตกลงไว้กับชาติมหาอำนาจ
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า อิหร่านจะเดินหน้าเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัด อย่างไรก็ดี อิหร่านจะยังคงร่วมมือกับสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ต่อไป โดยสำนักงานดังกล่าวเป็นหน่วยงานด้านนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ (UN)
การประกาศดังกล่าวมีขึ้น หลังจากสหรัฐใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต ส่งผลให้ในเวลาต่อมา อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐ
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายคาดว่าอิหร่านมีความตั้งใจที่จะประกาศเพิ่มการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอยู่เดิมแล้ว หลังเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว อิหร่านได้เปิดเผยว่าจะลดการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์เมื่อปี 2558 ลงบางประการ และดำเนินการหลายอย่างเพื่อพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ให้เกินกว่าขอบเขตตามข้อตกลงนิวเคลียร์
ทั้งนี้ อิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในปี 2558 หรือเป็นที่รู้จักในชื่ออย่างเป็นทางการว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA)
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว และออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อกดดันให้อิหร่านทำข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน โครงการขีปนาวุธ และปัญหาอื่นๆ