นางไช่ อิงเหวิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) คว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันเป็นสมัยที่ 2 โดยเอาชนะนายหาน กั๋วอวี๋ คู่แข่งรายสำคัญจากพรรคชาตินิยม หรือก๊กมินตั๋ง (KMT) ไปด้วยคะแนนถล่มทลาย สะท้อนเสียงชาวไต้หวันส่วนใหญ่ไม่ต้องการรวมกับจีน
คณะกรรมการการเลือกตั้งของไต้หวันประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยนางไช่ได้คะแนนไปเกือบ 8.2 ล้านคะแนน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ที่ไต้หวันจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีตามระบอบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในปี 2539 ขณะที่นายหานได้คะแนนไปราว 5.5 ล้านคะแนน
สำหรับจำนวนผู้ออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อยู่ที่ 74.9% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 19 ล้านคน
ทั้งนี้ นางไช่และนายหานเป็นตัวเก็งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันครั้งนี้ โดยนางไช่ชูนโยบายการเป็นอิสระจากจีน ขณะที่นายหานมีนโยบายเป็นมิตรกับรัฐบาลจีน
ขณะเดียวกันในการเลือกตั้งวานนี้ บรรดาผู้สมัครจากพรรค DPP ยังคว้าคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติไปได้เช่นกัน โดยพรรค DPP กวาดไป 61 ที่นั่ง ทำให้ทางพรรคยังสามารถรักษาคะแนนเสียงส่วนใหญ่จำนวน 113 ที่นั่ง พร้อมทำหน้าที่ในสภาต่อไปอีก 4 ปี ด้านพรรค KMT ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ได้ไป 38 ที่นั่ง ส่วนพรรคขนาดเล็กอื่นๆ และผู้สมัครอิสระ ได้ที่นั่งรวมกัน 14 ที่นั่ง
หลังรับทราบผลการนับคะแนนเมื่อคืนนี้ นางไช่ได้จัดแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวจากนานาประเทศ ที่สำนักงานใหญ่ของพรรค DPP ในกรุงไทเป โดยเธอกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังจีนว่า ไต้หวัน ซึ่งเป็นประชาธิบไตยและมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะไม่ยอมจำนนต่อการข่มขู่ของจีน พร้อมเรียกร้องจีนให้หยุดขู่ยึดไต้หวันกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของจีน
นางไช่ประกาศว่า เธอจะเดินหน้าการปฏิรูปและเสริมสร้างความมั่นคงของชาติให้แข็งแกร่งขึ้น
ในส่วนของความสัมพันธ์กับจีนนั้น นางไช่กล่าวว่า ทั้งจีนและไต้หวันต่างมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างความสงบสุขและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน