ประนาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐกำลังติดตามสถานการณ์การชุมนุมประท้วงในอิหร่านอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเตือนอิหร่านอย่าก่อเหตุการณ์สังหารหมู่กลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่ชาวอิหร่านจำนวนมากได้ออกมาชุมนุมประท้วง ภายหลังรัฐบาลยอมรับว่ายิงเครื่องบินโดยสารของยูเครนตกโดยไม่เจตนา
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความเป็นภาษาอังกฤษและภาษาฟาร์ซี ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของอิหร่าน โดยระบุว่า "ถึงประชาชนชาวอิหร่านผู้กล้าหาญและทนทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนาน ผมยืนอยู่เคียงข้างพวกคุณตั้งแต่ที่ผมเริ่มเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี และคณะบริหารของผมจะยังคงอยู่เคียงข้างพวกคุณต่อไป"
"จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ผู้ประท้วงอีก หรือการปิดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โลกกำลังจับตาอยู่" ผู้นำสหรัฐกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมาชุมนุมตามท้องถนนในอิหร่านเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
วานนี้ ทางการอิหร่านได้ออกมายอมรับว่า กองทัพอิหร่านยิงเครื่องบินโดยสารของยูเครนตกโดยไม่เจตนา โดยกล่าวโทษว่าเป็นความผิดพลาดของมนุษย์
เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินยูเครน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ (UIA) ตกใกล้กับสนามบินอิหม่ามโคไมนี กรุงเตหะรานของอิหร่านในช่วงเช้าวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่อง 176 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านและชาวแคนาดา เสียชีวิตทั้งหมด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักได้เพียงไม่นาน เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐสังหารนายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน
หลังการออกมายอมรับของทางการอิหร่าน ส่งผลให้นักเรียนนักศึกษาที่ออกมาแสดงความไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต ได้รวมตัวกันประท้วงรัฐบาลและกองทัพที่โกหกเรื่องเครื่องบินตก เนื่องจากก่อนหน้านั้น อิหร่านได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของชาติตะวันตกที่ว่า เครื่องบินถูกขีปนาวุธยิงตก
ขณะเดียวกันทางการอิหร่านได้จับกุมตัวเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำอิหร่านในระหว่างการร่วมประท้วง ก่อนที่จะปล่อยตัวในเวลาต่อมา ซึ่งการจับกุมตัวเอกอัครราชทูตสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลอังกฤษอย่างมาก และระบุว่า การกระทำของอิหร่านเป็นการละเมิดกฎหมายสากล