ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันนี้ โดยปธน.ทรัมป์ได้ใช้โอกาสนี้ในการกล่าวถึงนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน" พร้อมกับเชิญชวนให้ผู้นำทั่วโลกใช้นโยบายเช่นเดียวกับเขาในการให้ความสำคัญต่อประชาชนในประเทศ
"ความมั่งคั่งครั้งใหม่ของอเมริกาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประเทศอื่นๆทั่วโลกไม่สามารถเทียบได้ อเมริกาประสบความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพียงเล็กน้อย แต่มาจากการใช้ท่าทีใหม่ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานอเมริกัน" ปธน.ทรัมป์กล่าว
"ทุกๆการตัดสินใจเกี่ยวกับภาษี, การค้า, กฎระเบียบ, พลังงาน, การเข้าเมืองของชาวต่างชาติ, การศึกษา และอื่นๆอีกมาก ล้วนแต่เน้นหนักในการปรับปรุงชีวิตของชาวอเมริกัน มีแต่เพียงการที่รัฐบาลให้ประชาชนมาก่อน พวกเขาจึงกล้าลงทุนในอนาคตของชาติ" เขากล่าว
เนื้อหาส่วนใหญ่ในสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ได้กล่าวถึงผลงานของรัฐบาลสหรัฐจากการใช้นโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน" ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานต่ำสุดในรอบ 50 ปี และตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงการที่รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการกระตุ้นการจ้างงานในปี 2560 ซึ่งได้ช่วยให้ภาคธุรกิจสหรัฐมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และดึงดูดให้ธุรกิจทั่วโลกหันมาลงทุนในสหรัฐ ทำให้การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มมากขึ้น