ทำเนียบขาวของสหรัฐได้เปิดเผยแผนงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2564 เมื่อวานนี้ ซึ่งเสนอให้ตัดงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศและเงินช่วยเหลือในต่างประเทศลงจำนวนหนึ่งเมื่อเทียบกับการจัดสรรงบประมาณในปีก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ดี คาดว่าข้อเสนอดังกล่าวอาจจะถูกสภาคองเกรสปฏิเสธ
กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ว่า แผนงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2564 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงต่างประเทศและสำนักงานพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ (USAID) เป็นจำนวนรวมกันเกือบ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสื่อสหรัฐคำนวณไว้ว่าน้อยกว่าปีก่อนหน้านั้นกว่า 20%
แผนงบประมาณดังกล่าวสะท้อนให้เห็นลำดับความสำคัญของรัฐบาลสหรัฐในเรื่องการเจรจาต่อรองการใช้จ่ายสำหรับปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564 อย่างไรก็ดี คาดว่าแผนงบประมาณดังกล่าวอาจจะไม่มีการบังคับใช้เป็นกฎหมาย เนื่องจากมีสมาชิกสภานิติบัญญัติสังกัดพรรคเดโมแครตแสดงเสียงคัดค้านบ้างแล้ว
นายเอลเลียต เอ็นเกล ประธานคณะกรรมการกิจการระหว่างประเทศประจำสภาผู้แทนฯ สหรัฐ ระบุในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า "การเสนอให้ตัดงบในส่วนของนโยบายต่างประเทศที่มีความสำคัญโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นข้อเสนอที่จริงจัง และหากแผนงบประมาณอันโหดร้ายเช่นนี้บังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ก็จะเข้ามาบั่นทอนความมั่นคงและบทบาทผู้นำของเราทั่วโลก"
นายเอลเลียต เอ็นเกล ซึ่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติอาวุโสในสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า "ข้อเสนอดังกล่าวจะถูกสภาคองเกรสปฏิเสธจากทั้งสองพรรค"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้จัดสรรงบประมาณในส่วนของกระทรวงต่างประเทศและเงินช่วยเหลือในต่างประเทศเป็นจำนวนที่มากกว่าที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์เคยเสนอไว้อย่างมีนัยสำคัญ