หนังสือพิมพ์เดลี เมล์ ของอังกฤษรายงานว่า นายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ทั่วโลกไม่ร่วมมือกันมากพอในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19
เดลี เมล์ รายงานโดยอ้างคำพูดของนายแบลร์ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซี นิวส์ ว่า "ผมกังวลว่าการขาดความร่วมมือ และการขาดภาวะผู้นำที่เกิดขึ้นทั่วโลก จะทำให้วิกฤตครั้งนี้ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่"
นายแบลร์ซึ่งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในระหว่างปี 2540-2550 กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลของประเทศทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันเมื่อเผชิญการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก
นายแบลร์กล่าวว่า ความร่วมมือจากทั่วโลกนั้นอาจหมายถึงการที่ผู้นำโลกร่วมมือกันหาวัคซีน เร่งการพัฒนาด้านการรักษาโรคและความสามารถในการทดสอบ และออกมาตรการจัดการเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจระหว่างประเทศคงอยู่ได้
"นั่นคือความร่วมมือจากทั่วโลก การไม่มีสิ่งนั้นหมายถึงแต่ละประเทศจะรับมือกับโรคดังกล่าวได้แย่ลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกังวล" นายแบลร์กล่าว
นายแบลร์กล่าวว่า ประชาชนในประเทศแถบตะวันตกได้รับข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 แต่ไม่ได้ตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจเกิดขึ้นตามมา
"สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้นำคือการรักษามาตรการล็อกดาวน์ไว้ เพื่อรักษาความเสี่ยงที่โควิด-19 จะแพร่ระบาดให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน คุณต้องมีความรับผิดชอบต่อวิธีที่จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้โดยไม่ให้เศรษฐกิจได้รับความเสียหายร้ายแรงในอนาคต" นายแบลร์กล่าว