นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ประกาศว่า รัฐนิวยอร์กอาจพิจารณาสั่งปิดธุรกิจที่ละเลยการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและข้อบังคับอื่นๆเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายคูโอโมระบุว่า รัฐนิวยอร์กได้รับการร้องเรียนราว 25,000 ครั้ง เกี่ยวกับการละเมิดข้อบังคับต่างๆ นับตั้งแต่เปิดให้ภาคธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมได้อีกครั้งในเดือนพ.ค.
"เราไม่เคยได้รับการร้องเรียนมากขนาดนี้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ" นายคูโอโมกล่าว พร้อมเสริมว่า คำร้องเรียนส่วนใหญ่มาจากนครนิวยอร์กและเมืองแฮมป์ตันบนเกาะลองไอส์แลนด์
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้รีทวีตคลิปวิดีโอจากงานปาร์ตี้ ซึ่งปรากฏภาพผู้ร่วมงานหลายร้อยคนกำลังสังสรรค์กันในสถานที่หนึ่งบริเวณถนนเซนต์มาร์กเพลสในย่านอีสต์วิลเลจของเกาะแมนฮัตตันในค่ำคืนวันศุกร์ โดยมีเพียงไม่กี่คนในงานที่สวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมระบุข้อความในทวีตดังกล่าวว่า "อย่าให้ผมต้องไปที่นั่น.."
ต่อมา นายคูโอโมได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวในวันอาทิตย์ โดยกล่าวว่า "มีความเป็นไปได้ที่เราจะปิดสถานที่เหล่านั้นอีกครั้ง นี่เป็นสถานการณ์ซีเรียสมาก และผมต้องการแน่ใจว่าทุกคนมีความเข้าใจถึงปัญหาที่จะตามมาอย่างแท้จริง"
นายคูโอโมยังขู่ด้วยว่า บาร์และร้านอาหารที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกยึดใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่ผู้คนบนท้องถนนที่ไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันก็จะถูกปรับ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วงที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยก็จะต้องถูกปรับด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐนิวยอร์กพบผู้ติดโรคโควิด-19 รายใหม่ 694 รายในวันอาทิตย์ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมภายในรัฐอยู่ที่ 383,324 ราย