คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) ประกาศว่า บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และบริษัท ZTE Corp เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นมาตรการอีกขั้นที่จะผลักดันให้สองบริษัทดังกล่าวของจีนออกไปจากตลาดสหรัฐ ขณะที่ผู้ประกอบการเครือข่ายขนาดเล็กในชนบทของสหรัฐพึ่งพาอุปกรณ์เครือข่ายราคาถูกจากหัวเว่ยและ ZTE
FCC เปิดเผยว่า การประกาศดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเครือข่ายขนาดเล็กจำนวนมากในชนบทของสหรัฐ ไม่สามารถใช้เงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลางในการซื้อ หรือบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ผลิตโดยหัวเว่ยและ ZTE อีกต่อไป
เอจิต ไพ ประธาน FCC เปิดเผยในทวิตเตอร์ว่า "ทั้งหัวเว่ยและ ZTE มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพของจีน เรากำลังส่งสานส์ที่ชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่ง FCC ไม่สามารถ และจะไม่ยินยอมให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามาหาประโยชน์จากช่องโหว่ในเครือข่ายการสื่อสารของสหรัฐ"
สหรัฐเชื่อว่า รัฐบาลจีนอาจใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในการจารกรรมข้อมูล ขณะที่หัวเว่ยปฏิเสธหลายครั้งว่า บริษัทไม่ได้เป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคง และยืนยันว่า บริษัทเป็นอิสระจากรัฐบาลจีน
นายเจฟฟรีย์ สตาร์คส์ กรรมาธิการ FCC ระบุในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ยังคงมีอุปกรณ์ที่ไม่น่าเชื่อถืออยู่ในสหรัฐ และเรียกร้องให้ FCC ดำเนินโครงการเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านั้น โดยเขาระบุว่า "ยังมีเรื่องที่ต้องดำเนินการอีกมาก"
FCC ประมาณการเมื่อปีที่แล้วว่า ผู้ประกอบการเครือข่ายสื่อสารในชนบทของสหรัฐราว 48 แห่งได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสหรัฐ และใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยหรือ ZTE
นอกจากนี้ FCC ยังเปิดเผยว่า ต้นทุนเฉลี่ยในการเปลี่ยนอุปกรณ์ของแต่ละบริษัทนั้น อาจจะอยู่ในช่วง 40-45 ล้านดอลลาร์