หู สีจิน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สของรัฐบาลจีน เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ @HuXijin_GT ว่า จีนจะประกาศมาตรการควบคุมสื่อสหรัฐที่ดำเนินงานในจีน แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเป็นมาตรการตอบโต้สหรัฐ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นโดยคาดกันว่าเพื่อเอาคืนสหรัฐ ซึ่งเมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาได้ประกาศกำหนดให้บริษัทสื่อจีนอีก 4 แห่ง เป็น "คณะผู้แทนต่างชาติ" หรือ "foreign mission" ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CCTV) โดยกำหนดให้บริษัทสื่อทั้ง 4 แห่งต้องยื่นข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน และทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ในสหรัฐ
สื่ออีก 3 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวได้แก่ ไชน่า นิวส์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นสื่อใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของรัฐบาลจีน, หนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนก.พ. สหรัฐได้ประกาศให้สื่อของรัฐบาลจีน 5 แห่งเป็นคณะผู้แทนต่างชาติเช่นกัน
สื่อกลุ่มนี้ได้แก่สำนักข่าวซินหัว, สถานีข่าวไชนา โกลบอล เทเลวิชัน เน็ตเวิร์ก ในเครือซีซีทีวี, สถานีวิทยุไชนา เรดิโอ อินเตอร์เนชันแนล, หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี และบริษัทไห่ เทียน เดเวลอปเมนต์ ยูเอสเอ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เดอะพีเพิลส์เดลี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
การกำหนดให้สื่อเป็น "คณะผู้แทนต่างชาติ" ตามกฎหมายว่าด้วยคณะผู้แทนต่างชาตินั้น ทำให้สื่อกลุ่มนี้จะต้องแจ้งให้รัฐบาลสหรัฐทราบเกี่ยวกับบุคลากรที่กำลังประจำการอยู่ในสหรัฐ รวมถึงทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน เช่น ข้อมูลการเป็นเจ้าของหรือข้อมูลการเช่า และจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐก่อนที่จะซื้อทรัพย์สินใหม่
ทั้งนี้ สหรัฐและจีนได้มีการใช้มาตรการโต้ตอบกันไปมาในเรื่องผู้สื่อข่าว โดยเมื่อเดือนพ.ค. สหรัฐได้ร่นระยะเวลาวีซ่าหรือเอกสารอนุมัติที่ประทับตราบนหนังสือเดินทางแก่ผู้สื่อข่าวจีนเหลือเพียง 90 วัน ซึ่งปกติแล้ววีซ่าประเภทนี้เป็นปลายเปิด ขณะที่เมื่อเดือนมี.ค. จีนได้ไล่นักข่าวสหรัฐบางรายออกจากประเทศ หลังก่อนหน้านั้นสหรัฐได้ปรับลดจำนวนนักข่าวจีนที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในสหรัฐ