สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดมินิก ร้าบ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร เตรียมขึ้นชี้แจงต่อรัฐสภาในวันนี้ เพื่อประกาศความตั้งใจที่จะระงับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง โดยคาดว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความสัมพันธ์กับจีนตึงเครียดยิ่งขึ้น จากเดิมที่คุกรุ่นอยู่แล้วอันเป็นผลจากการที่อังกฤษเพิ่งแบนบริษัทโทรคมนาคมจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจห้ามการใช้อุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 5G ของอังกฤษ อันเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง โดยการตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษถือเป็นการกลับลำจากมติก่อนหน้านี้ซึ่งอนุญาตให้หัวเว่ยมีบทบาทที่จำกัดในเครือข่าย 5G ของอังกฤษ
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับจีนยังตึงเครียดจากการที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษได้เปิดตัวข้อเสนอในการให้สิทธิพิเศษแก่ชาวฮ่องกงที่ถือพาสปอร์ตแบบ British National Overseas (BNO) รวมทั้งขอสงวนสิทธิที่จะใช้มาตรการต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน โดยมีประชาชนเกือบ 3 ล้านรายที่มีสิทธิได้รับวีซ่าแบบใหม่ ซึ่งจะกรุยทางสู่การเป็นพลเรือนของอังกฤษ ภายหลังจากที่จีนได้บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่กับฮ่องกง
ด้านนายหลิว เสี่ยวหมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำอังกฤษ ได้ออกมาขู่ว่า รัฐบาลจีนพร้อมที่จะตอบโต้การกระทำของรัฐบาลอังกฤษ พร้อมกล่าวโทษว่าการที่อังกฤษได้แบนหัวเว่ยนั้น เป็นเพราะอิทธิพลจากสหรัฐ
อย่างไรก็ดี รัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ไม่ได้มีอิทธิพลต่อการที่อังกฤษตัดสินใจสั่งห้ามการใช้งานอุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในโครงข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 5G ของอังกฤษ
นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษเปิดเผยว่า "เราทุกต่างก็รู้จักปธน.ทรัมป์ ใครๆ ก็สามารถอ้างเครดิตในการตัดสินใจเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริง นี่เกิดขึ้นจากการประเมินทางเทคนิคโดยศูนย์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของเราเอง"
การแสดงความเห็นของนายแฮนค็อกมีขึ้นหลังปธน.ทรัมป์ ออกมาระบุว่า เขาเป็นคนทำให้ประเทศต่างๆ รวมถึง อังกฤษ ตัดสินใจแบนอุปกรณ์ของหัวเว่ย ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจดังกล่าว ทำให้อังกฤษได้ร่วมเป็นหนึ่งในหลายประเทศทั่วโลกที่ยืนหยัดเพื่อความมั่นคงของประเทศ ด้วยการห้ามใช้อุปกรณ์จากบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงและไม่น่าไว้ใจ