นายกุย เทียนข่าย เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า จีนหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นกับสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายได้ตอบโต้กันไปมาด้วยการสั่งปิดสถานกงสุล โดยที่สหรัฐเป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยข้อกล่าวหาว่า จีนแอบจารกรรมข้อมูล
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในระหว่างการประชุมออนไลน์ Aspen Security Forum ว่าด้วยประเด็นความมั่นคงนั้น นายกุยกล่าวว่า ตนคิดว่า การเย็นชาใส่กันไม่เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใด และเรียกร้องให้ประเทศทั้งสองหันมาสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันและเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในอนาคต ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลกนั้นได้ย่ำแย่ลงจนถึงจุดที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่าอาจจุดชนวนไปสู่สงครามเย็นครั้งใหม่
นายกุยแสดงความเห็นดังกล่าว หลังจากที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศยุติ "การจัดการแบบปิดหูปิดตา" กับจีนที่ดำเนินมาหลายทศวรรษในการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับนโยบายสำคัญต่อจีนเมื่อเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้รมต.ต่างประเทศสหรัฐยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกับสหรัฐเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามของ "เผด็จการใหม่" จากประเทศคอมมิวนิสต์
นายกุยกล่าวว่า จีนจำเป็นต้องสั่งปิดสถานกงสุลในนครเฉิงตูตาม "หลักปฏิบัติต่างตอบแทน" ทางการทูต แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้เน้นย้ำว่า จีนไม่ต้องการที่จะเพิ่มความตึงเครียดใดๆ อีกต่อไป
นอกจากนี้ เขายังได้ย้ำถึงท่าทีของจีนว่า ข้อกล่าวหาของสหรัฐเรื่องการจารกรรมข้อมูลนั้นไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
เมื่อสื่อมวลชนถามว่าแถลงการณ์ของนายปอมเปโอถือเป็นการประกาศสงครามเย็นรอบใหม่หรือไม่ เอกอัครราชทูตจีนให้คำตอบว่า บทเรียนจากอดีตที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าการตอบโต้ที่เย็นชาใส่กันนั้นไม่เป็นผลดีแก่ฝ่ายใดเลย
เขากล่าวว่า "เหตุใดเราจึงต้องให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย...ในเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ จำนวนมาก" และกล่าวด้วยว่า "ผมไม่คิดว่าสงครามเย็นรอบใหม่จะเกิดประโยชน์กับใคร หรือนำพาเราไปสู่ทางออกของปัญหาได้แต่อย่างใด"