นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมใหญ่ของพรรคซึ่งจัดขึ้นทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยนายไบเดนให้คำมั่นว่าจะเยียวยาสหรัฐอเมริกาที่บอบช้ำอย่างหนักจากผลกระทบของโควิด-19 รวมทั้งเศรษฐกิจที่เผชิญกับหายนะ ด้วยการรวมชาวอเมริกันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
"ผมขอให้คำมั่นสัญญากับพวกท่านว่า หากท่านไว้วางใจให้ผมทำหน้าที่ประธานาธิบดี ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ผมจะนำแสงสว่างมาสู่อเมริกา ไม่ใช่ความมืดมน" ไบเดนกล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสตอบรับการเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ
ไบเดนกล่าวถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ทรัมป์จะทำให้สหรัฐอเมริกาตกอยู่ในความเกลียดชังและความหวาดกลัว หากเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้นำอีกสมัย พร้อมกับกล่าวถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขหลังจากไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด อีกทั้งเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย การแข่งขันกันเองภายในชาติ และการดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งแวดล้อม
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ไบเดนให้คำมั่นกับชาวอเมริกันว่า เขาจะทำงานหนักเพื่อชาวอเมริกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สนับสนุนเขา นอกจากนี้ ไบเดนยังได้กล่าวโจมตีทรัมป์ว่าประสบความล้มเหลวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19
"ประธานาธิบดีคนปัจจุบันล้มเหลวในการทำหน้าที่ที่เป็นพื้นฐานที่สุด เขาล้มเหลวในการปกป้องเรา" ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ไบเดนได้รับการสนับสนุนจากบุคคลระดับสูงของพรรคเดโมแครต ซึ่งรวมถึง บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และมิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ที่ต่างก็ออกมาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเลือกไบเดน โดยโอบามากล่าวว่า "การเลือกไบเดนขึ้นเป็นประธานาธิบดีนั้น จะทำให้ชาวอเมริกันมั่นใจได้ว่าระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐจะอยู่รอดต่อไป" ขณะที่มิเชล โอบามา กล่าวว่า "หากเรายังมีความหวังที่จะหยุดความวุ่นวายในยุคสมัยของทรัมป์ เราต้องเลือกไบเดน เพราะชีวิตของพวกเราขึ้นอยู่กับเรื่องนี้"
ส่วนในช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาไทย วุฒิสมาชิกคามาลา แฮร์ริส ได้กล่าวสุนทรพจน์เพื่อตอบรับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตในการเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ โดยแฮร์ริสเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเลือกไบเดนในการเลือกตั้งเดือนพ.ย.นี้ พร้อมกับกล่าวโทษทรัมป์ว่าประสบความล้มเหลวในการเป็นผู้นำ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19