พรรครีพับลิกันประกาศเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นตัวแทนของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ของพรรคในวันนี้
การประชุมดังกล่าวมีขึ้นในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยจะใช้เวลา 4 วัน และไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อตอบรับการเสนอชื่อดังกล่าว
ขณะนี้ ผลการสำรวจของทุกสำนักต่างฟันธงว่า โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต จะมีชัยชนะเหนือปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้ และหากปธน.ทรัมป์ประสบความพ่ายแพ้จริง เขาก็จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันจากพรรคเดโมแครตในปี 2535
อย่างไรก็ดี ประวัติศาสตร์ก็ได้ให้บทเรียนว่าโพลล์ต่างๆไม่ได้รับประกันว่าผลจะออกมาตามที่มีการสำรวจไว้ ซึ่งจะเห็นได้จากการทำโพลล์เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ทุกสำนักต่างก็ระบุว่า ฮิลลารี คลินตันจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และจะเป็นสตรีคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ก็เกิดการพลิกล็อกครั้งใหญ่เมื่อมีการประกาศว่าทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ ทั้งๆที่ทรัมป์ตกเป็นรองมาโดยตลอดในการสำรวจความนิยมของชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลง หากไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ จากการที่เขามีนโยบายเพิ่มภาษีคนรวยเพื่อช่วยคนจน โดยเขาจะยกเลิกมาตรการปรับลดอัตราภาษีของปธน.ทรัมป์ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 28% จากเดิมที่ปธน.ทรัมป์ปรับลดจาก 35% สู่ระดับ 21% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ไบเดนจะปรับเพิ่มภาษีของครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยมีการคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี ขณะที่ไบเดนเปิดเผยว่าเขาจะเพิ่มการลดหย่อนภาษีสำหรับชนชั้นกลาง และให้เงินอุดหนุนภาษีสำหรับการเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น