กระทรวงกลาโหมสหรัฐคาดว่า จีนจะเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันซึ่งคาดว่าจีนมีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 200 ลูก และแสนยานุภาพด้านการทหารของจีนได้แซงหน้าสหรัฐไปแล้วในบางด้าน เช่น การต่อเรือ และขีปนาวุธแบบดั้งเดิม
รายงานล่าสุดเกี่ยวกับแสนยานุภาพของจีนที่นำเสนอต่อสภาคองเกรสซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาต่างๆ จนถึงปลายปี 2562 นั้น ได้รับการเผยแพร่ออกมาท่ามกลางความบาดหมางที่ร้าวลึกระหว่างสหรัฐและจีน ตั้งแต่ประเด็นเศรษฐกิจไปจนถึงความมั่นคง รวมถึงกิจกรรมทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้ และการที่สหรัฐให้การสนับสนุนไต้หวัน
รายงานดังกล่าวระบุว่า เป้าหมายของจีนคือการยกระดับกองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) ให้เป็นกองทัพระดับโลกภายในสิ้นปี 2592 และในทศวรรษหน้า จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าเมื่อจีนขยายและปรับปรุงกองกำลังนิวเคลียร์ให้ทันสมัย
นอกจากนี้ จำนวนหัวรบของขีปนาวุธข้ามทวีปภาคพื้นดินที่สามารถคุกคามสหรัฐได้นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ลูกในอีก 5 ปีข้างหน้าจากประมาณ 100 ลูกในปัจจุบัน ขณะที่จีนกำลังเข้าใกล้ขีดความสามารถ"นิวเคลียร์สามเหล่าทัพ" โดยจะสามารถทำการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ได้ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้พยายามผลักดันมาตรการควบคุมอาวุธที่เกี่ยวข้องกับทั้งรัสเซียและจีน เนื่องจากสนธิสัญญาฉบับเดียวที่เหลืออยู่ที่ควบคุมด้านอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐและรัสเซียคือสนธิสัญญาลดอาวุธยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ (New Strategic Arms Reduction Treaty) ซึ่งจะหมดอายุในปี 2564