สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายโจ ไบเดน ยังคงมีคะแนนนิยมแซงหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในผลสำรวจส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้ แต่คะแนนนำของนายไบเดนลดลงหลังจากผ่านพ้นการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ผลสำรวจของ FiveThirtyEight บ่งชี้ว่า นายไบเดนมีคะแนนนิยมแซงหน้าปธน.ทรัมป์ 7.5 จุด ลดลงจากมากกว่า 9 จุด ก่อนการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันเมื่อวันที่ 24 ส.ค.
ผลสำรวจของ RealClearPolitics (RPC) บ่งชี้ว่า นายไบเดนมีคะแนนนิยมแซงหน้าปธน.ทรัมป์ 7.5 จุดเช่นกัน โดยไบเดนมีคะแนนสนับสนุน 49.7% ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้คะแนน 42.2% ซึ่งคะแนนนำของไบเดนได้ลดลงจากมากกว่า 10 จุดของช่วงปลายเดือนมิ.ย.
ผลสำรวจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์และนายไบเดนเพิ่มความพยายามรณรงค์หาเสียงโดยโจมตีกันและกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ของสหรัฐในปีนี้ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกัน
ผลสำรวจออนไลน์ของรอยเตอร์ที่สอบถามผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 1,335 คนเมื่อวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมาพบว่า นายไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ 7 จุด โดยไบเดนมีคะแนนสนับสนุน 47% ขณะที่ทรัมป์ได้คะแนนสนับสนุน 40%
ผลสำรวจจากกรินเนลล์ คอลเลจ และเซลเซอร์ แอนด์ โคจากการสัมภาษณ์ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน 827 คนในช่วงวันพุธที่แล้วถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาระบุว่า ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ 49% ต่อ 41%
ผลสำรวจของยูเอสเอ ทูเดย์/ซัฟฟอล์ค ยูนิเวอร์ซิตีระบุว่า ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ 7 จุดโดยอยู่ที่ 50% ต่อ 43% โดยผลสำรวจดังกล่าวได้จากการสอบถามผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 1,000 คนระหว่างวันศุกร์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยคะแนนนำของนายไบเดนลดลงจาก 12 จุดจากผลสำรวจในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนผลสำรวจล่าสุดของมอนเมาธ์ ยูนิเวอร์ซิตีในการสอบถามทางโทรศัพท์กับผู้มีสิทธิลงคะแนนในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันศุกร์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า ไบเดนนำทรัมป์แค่ 4 จุด โดยอยู่ที่ 49% ต่อ 45% โดยคะแนนนำของไบเดนลดลงอย่างมากจาก 13 จุดในผลสำรวจเมื่อเดือนก.ค.
ทั้งนี้ คะแนนนำที่ลดลงของนายไบเดนทำให้พรรคเดโมแครตกังวลว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559 เมื่อนางฮิลลารี คลินตัน ชนะคะแนนสนับสนุนจากประชาชน (popular vote) แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับทรัมป์จากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง Electoral College ในรัฐที่มีคะแนนสูสีกัน