รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐที่เข้าแทรกแซงกรณีข้อพิพาทด้านอาณาเขตและการเดินเรือในเอเชีย ในระหว่างการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับรัฐมนตรีต่างประเทศจากกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวว่า สหรัฐกลายเป็นประเทศที่ส่งทหารเข้าประจำการในทะเลจีนใต้มากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งคำพูดดังกล่าวอาจทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น
นายหวัง กล่าวเสริมว่า สหรัฐกำลังกระตุ้นให้ประเทศต่างๆในภูมิภาคเผชิญหน้ากัน แม้ว่าจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน จะพยายามแก้ไขกรณีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ผ่านการปรึกษาหารือก็ตาม
ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของ 10 ชาติในกลุ่มอาเซียนเริ่มประชุมประจำปีตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยมีวาระเร่งด่วนว่าด้วยเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19, ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และผู้อพยพชาวโรฮิงญา โดยประเทศสมาชิกทั้ง 10 ในกลุ่มอาเซียนประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลสหรัฐประกาศระงับการออกวีซ่าให้กับผู้บริหารของบริษัทจีนที่สนับสนุนการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้ อีกทั้งควบคุมการส่งออกของบริษัทจีนเหล่านี้ด้วย โดยมาตรการดังกล่าวได้เพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐเกี่ยวกับข้อพิพาทในการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐยกระดับการดำเนินนโยบายในทะเลจีนใต้เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจีนและหลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงได้อ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ดังกล่าว โดยสหรัฐระบุว่าการที่จีนอ้างสิทธิในทรัพยากรนอกชายฝั่งซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งน่านน้ำของทะเลจีนใต้นั้น เป็นความไม่ชอบธรรมทางกฎหมายโดยสิ้นเชิง