หนังสือพิม์โกลบอล ไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อของพรรคคอมมิวสต์จีนรายงานว่า รัฐบาลจีนไม่มีแนวโน้มที่จะอนุมัติข้อตกลงที่บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ทำร่วมกับออราเคิลและวอลมาร์ทเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของติ๊กต็อก (TikTok) ในอนาคต
ไบต์แดนซ์เปิดเผยว่า จะสร้างบริษัทในเครือในสหรัฐที่มีออราเคิลและวอลมาร์ทร่วมถือหุ้นบางส่วน และบริหารงานส่วนใหญ่โดยชาวสหรัฐ เพื่อที่จะทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยินยอมให้ติ๊กต็อกดำเนินธุรกิจในสหรัฐได้ต่อไป หลังจากที่เขาขู่จะปิดบริการของติ๊กต็อกด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงก่อนหน้านี้
"มีความชัดเจนว่าเงื่อนไขต่างๆ แสดงถึงการกลั่นแกล้งและตรรกะที่เป็นอันธพาลของสหรัฐ พวกเขาทำร้ายความมั่นคง, ผลประโยชน์ และศักดิ์ศรีแห่งชาติของจีน" บทบรรณาธิการฉบับภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์เมื่อวานนี้ระบุ
ผู้เขียนบทบรรณาธิการดังกล่าวซึ่งไม่ระบุชื่อได้คัดค้านข้อกำหนดที่ระบุให้กรรมการ 4 ใน 5 คนของบริษัทติ๊กต็อก โกลบอล (TikTok Global) ต้องเป็นชาวอเมริกัน และมีกรรมการชาวจีนเพียงคนเดียว รวมไปถึงผู้อำนวยการด้านความมั่นคงแห่งชาติที่สหรัฐให้การอนุมัติ
นอกจากนี้ บทบรรณาธิการดังกล่าวยังวิพากษ์วิจารณ์ข้อกำหนดให้ไบต์แดนซ์เปิดเผย source code ของติ๊กต็อก ให้กับออราเคิล อันเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อหุ้นด้วย รวมไปถึงการบริหารงานของติ๊กต็อกที่แยกออกจากโต่วอิน (Douyin) ซึ่งเป็นติ๊กต็อกเวอร์ชั่นภาษาจีน
บทบรรณาธิการระบุว่า "เนื่องจากติ๊กต็อกและโต่วอินมี source code เหมือนกัน นั่นก็หมายความว่า สหรัฐสามารถรับรู้ถึงการปฎิบัติงานของโต่วอิน"
"หากการปรับโครงสร้างองค์กรของติ๊กต็อกภายใต้การควบคุมของสหรัฐกลายเป็นโมเดลขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่บริษัทของจีนที่ประสบความสำเร็จขยายธุรกิจเข้าไปในสหรัฐ และกลายเป็นคู่แข่งกับบริษัทของสหรัฐ บริษัทแห่งนั้นก็จะตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐ และถูกเปลี่ยนเป็นบริษัทที่ถูกควบคุมโดยสหรัฐผ่านทางวิธีการที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการขู่บังคับ ซึ่งในท้ายที่สุดนั้นก็เป็นไปเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของสหรัฐเท่านั้น" ผู้เขียนบทบรรณาธิการระบุ
ไบต์แดนซ์และออราเคิลประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันแล้วซึ่งจะสร้างความพอใจให้กับปธน.ทรัมป์ที่ต้องการให้ไบต์แดนซ์ขายติ๊กต็อกให้กับบริษัทสหรัฐ มิฉะนั้นจะถูกปิดกิจการในสหรัฐ
ล่าสุดนั้น ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขาจะไม่อนุมัติการขายกิจการของติ๊กต็อกให้แก่ออราเคิล คอร์ป และวอลมาร์ท หากไบต์แดนซ์ยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่ในติ๊กต็อก
ทั้งนี้ ข้อตกลงขายกิจการติ๊กต็อกดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากทั้งรัฐบาลจีนและสหรัฐ