นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐแบะจีนจะยังคงมีข้อพิพาทเรื่องเทคโนโลยีต่อไป แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้ก็ตาม
นักวิเคราะห์จากดีบีเอส กรุ๊ป รีเสิร์ช เปิดเผยว่า ทั้งสองประเทศจะยังคงมีข้อพิพาทเรื่องเทคโนโลยีต่อไป แต่อาจผันผวนน้อยลงหากนายโจ ไบเดน คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต คว้าตำแหน่งผู้นำประเทศแทน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงย่ำแย่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเทคโนโลยี เพราะทางการสหรัฐยังคงเพ่งเล็งบริษัทเทคโนโลยีของจีนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโทรคมนาคมอย่างหัวเว่ย ไปจนถึงแอปแชร์วิดีโออย่างติ๊กต็อก โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้แอบเก็บข้อมูลของชาวสหรัฐเพื่อนำไปให้รัฐบาลจีน
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ให้กับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน (SMIC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน โดยอ้างเหตุผลว่า "มีความเสี่ยงที่อุปกรณ์ที่ส่งออกไปนั้น จะถูกนำไปใช้เพื่อการทหาร"
ส่วนเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีห้ามไม่ให้บุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่และเจ้าของ ติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันแชร์คลิปวิดีโอชื่อดังสัญชาติจีน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ ยังได้สั่งแบนวีแชท (WeChat) ของบริษัทเทนเซ็นต์ (Tencent) ในข้อหาเป็นภัยคุกคามข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
ด้านบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และ ZTE ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมของจีน รวมถึงบริษัท Hikvision ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องวงจรปิดของจีน ต่างก็ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง