สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลจาก Center for Responsive Politics (CRP) ว่า ค่าใช้จ่ายรวมในการเลือกตั้งสหรัฐ 2020 รวมถึงการเลือกประธานาธิบดีและสมาชิกวุฒิสภา จะสูงถึงเกือบ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่ใช้ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งก่อนรวมกัน
CRP ประเมินว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. นี้ จะมีค่าใช้จ่ายกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การบริจาคเพื่อชิงที่นั่งในรัฐสภาจะสูงถึง 7.2 พันล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า พรรคเดโมแครตใช้จ่ายเงินมากกว่า โดยใช้ไป 6.9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรครีพับลิกันใช้เพียง 3.8 พันล้านดอลลาร์
"ผู้บริจาคมีการบริจาคเงินมากเป็นสถิติในช่วงกลางปี 2561 และปี 2563 ก็ยังคงรักษาแนวโน้มดังกล่าวอยู่ และมากขึ้นด้วย" ชีลา ครัมโฮลซ์ กรรมการบริหารของ CRP กล่าว
นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ระดมทุนสนับสนุนเลือกตั้งได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ หลังทำสถิติ 938 ล้านดอลลาร์จนถึงวันที่ 14 ต.ค. ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระดมทุนได้ประมาณ 596 ล้านดอลลาร์
ครัมโฮลซ์กล่าวว่า "เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าผู้ท้าชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐจะใช้เงินถึงหลักพันล้านดอลลาร์ แต่ปีนี้เราอาจจะได้เห็นถึงสองคน"
OpenSecrets ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ CRP ระบุว่า เงินบริจาคทางการเมืองที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งผู้พิพากษาเอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ และจับตามองการแข่งขันชิงตำแหน่งปธน.และวุฒิสภาอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 พ.ย. นอกจากชาวสหรัฐที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว พวกเขายังจะทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 คน จากทั้งหมด 100 คน โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีขึ้นทุก 2 ปี