เว็บไซต์ข่าว BuzzFeed รายงานว่า ยอดขายปืนในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง ท่ามกลางความกังวลว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเกิดความวุ่นวายเนื่องจากผู้แพ้ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนในสหรัฐต่างพากันซื้อปืนจนทำสถิติสูงสุดในปี 2563 โดยยอดขายปืนพุ่งขึ้นในช่วงต้นปีที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศ และในช่วงที่มีการประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิว จนกระทั่งมาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือนก่อนการเลือกตั้ง ท่ามกลางความวิตกว่าจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นหลังการเลือกตั้ง
BuzzFeed ประมาณการยอดขายปืนในสหรัฐจากข้อมูลการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนของ FBI โดยใช้วิธีการที่พัฒนาขึ้นโดยเจอร์เกน เบราเออร์ แห่งบริษัทที่ปรึกษา Small Arms Analytics & Forecasting
เว็บข่าว BuzzFeed รายงานว่า ยอดขายปืนรวมตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ราว 18.6 ล้านกระบอก และอาจแตะที่ 22 ล้านกระบอกภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2562 ซึ่งเบราเออร์ประเมินไว้ที่ 13.9 ล้านกระบอก
รายงานระบุว่า การพุ่งขึ้นของยอดขายปืนในปีนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลเป็นวงกว้างเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในขณะที่ประเทศเผชิญกับการแพร่ระบาด การประท้วงต่อการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความเป็นไปได้ที่อาจเกิดความวุ่นวายทางการเมืองอันเนื่องมาจากผลการเลือกตั้ง
ขณะที่ผลการศึกษาโดย นิโคล คราวิตซ์-เวิร์ตซ์ และคณะนักวิจัยในโครงการวิจัยการป้องกันความรุนแรง แห่ง UC Davis School of Medicine เผยให้เห็นด้วยว่า ในบรรดาผู้ซื้อปืนปีนี้ หลายคนเป็นผู้ซื้อปืนครั้งแรก อีกทั้งยังพบด้วยว่า ผู้ที่มีปืนไว้ในครอบครองนั้นใส่กระสุนพร้อมยิง และไม่ได้ล็อกกุญแจตู้เก็บปืน