สื่อต่างประเทศรายงานว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้จะออกมาว่าใครเป็นผู้ชนะก็ตาม แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะยังคงต้องบริหารประเทศต่อไปอย่างน้อยจนถึงเดือนม.ค.ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะยังคงมีอำนาจควบคุมด้านสาธารณสุขของสหรัฐไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้าซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดีคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นใกล้แตะ 100,000 คน และผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้แล้ว แม้เขาจะย้ำกับประชาชนว่า สถานการณ์ในประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแล้วก็ตาม
ปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะรับฟังเจ้าหน้าที่ในคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว ทั้งนายอเล็กซ์ เอ็ม. อซาร์ เลขาฝ่ายงานสาธารณสุข, ดร.โรเบิร์ต อาร์. เรดฟีลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค, ดร. สตีเฟน เอ็ม. ฮาห์น คณะกรรมการองค์การอาหารและยา รวมถึงดร.เจโรม อดัมส์ ศัลยแพทย์ทั่วไป
นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ยังพูดเป็นนัยด้วยว่า เขาอาจปลดนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ออกจากการเป็นแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งด้วย
ทางด้านนักระบาดวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อพากันแสดงความกังวลอย่างยิ่งกับเรื่องนี้
"ถึงแม้ไบเดนจะชนะ แต่รัฐบาลของทรัมป์ก็จะยังคงอยู่ในตำแหน่งอีกหลายเดือน ซึ่งการระบาดจะไปถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด" ดร.คาร์ลอส เดล ริโอ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อแห่งมหาวิทยาลัยเอมอรีกล่าวถึงกรณีที่ไบเดนชนะเลือกตั้ง
"ทรัมป์จะไม่รับผิดชอบ เขาจะไม่พยายาม อย่างที่เขาเคยบอกเป็นนัยๆ ว่า ผมไม่สนเรื่องนี้หรอก แล้วก็ปล่อยให้บรรดาผู้ว่าการรัฐจัดการกันเอง"