นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ กล่าวว่าการที่นายโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อาจไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากนายไบเดนมีนโยบายปรับขึ้นภาษีเงินได้ของชาวอเมริกันที่มีฐานะร่ำรวย และมีแผนที่จะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากระดับ 21% เป็น 28%
นักวิเคราะห์ของโนมูระกล่าวว่า หากนโยบายการปรับขึ้นภาษีของนายไบเดนผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสและมีผลบังคับใช้ในปี 2565 ก็จะส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 ลดลงถึง 4.3%
นอกเหนือจากการปรับขึ้นภาษีแล้ว นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับนโยบายอื่นๆ ของนายไบเดน ซึ่งรวมถึงการออกกฎข้อบังคับที่เข้มงวดต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น อัลฟาเบท และ เฟซบุ๊ก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐ
การแสดงความเห็นของนักวิเคราะห์จากโนมูระมีความสอดคล้องกับที่นายมาร์ค โมเบียส ผู้ก่อตั้งบริษัทโมเบียส แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส ซึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันศุกร์ว่า หากไบเดนได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ก็จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากนายไบเดนมีแผนการที่จะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากบริษัทและชาวอเมริกันที่ร่ำรวย
"แผนการปรับขึ้นภาษีของไบเดนจะลดความน่าสนใจของนักลงทุนในการเข้าซื้อหุ้นในตลาดวอลล์สตรีท" นายโมเบียสกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า "จะเกิดผลกระทบด้านความมั่งคั่งในสหรัฐ หากประชาชนที่ลงทุนในตลาดหุ้นคาดว่า ความมั่งคั่งของพวกเขาจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี พวกเขาก็จะระงับการลงทุน"