สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐหลายรายได้ยื่นลาออกเมื่อวานนี้ หนึ่งวันหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งปลดนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐออกจากตำแหน่ง
แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่ลาออกนั้นมีทั้งนายเจมส์ แอนเดอร์สัน รักษาการปลัดกระทรวงฝ่ายนโยบาย รวมถึงนายโจเซฟ เคอร์แนน ปลัดกระทรวงฝ่ายข่าวกรองและความมั่นคง และเจน สจ๊วต เสนาธิการประจำรัฐมนตรีกลาโหม
ส่วนนายเดวิด นอร์ควิสต์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม "ยังคงดำรงตำแหน่งและจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป"
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งปลดนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ขณะที่ทรัมป์เหลือเวลาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ให้กับนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า "มาร์ก เอสเปอร์ พ้นจากตำแหน่งแล้ว" พร้อมประกาศแต่งตั้งนายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรมว.กลาโหมแทน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลมาจากความขัดแย้งในประเด็นต่างๆ ระหว่างทรัมป์กับเอสเปอร์ โดยเฉพาะเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ขู่ที่จะใช้ทหารประจำการเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงกรณีการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ในมินนีอาโปลิส แต่นายเอสเปอร์ออกมาคัดค้าน
ด้านพรรคเดโมแครตกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์เป็นการส่งสัญญาณที่อันตรายต่อฝ่ายตรงข้ามของอเมริกา และส่งผลกระทบต่อความหวังเกี่ยวกับการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ โดยทรัมป์ยังไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และได้ยื่นคัดค้านผลการเลือกตั้งไปแล้วในชั้นศาล
นายอดัม สมิธ สมาชิกพรรคเดโมแครตและประธานคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เปิดเผยว่า การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมลาออกในช่วงเวลาถ่ายโอนอำนาจนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก