นักวิเคราะห์เตือนไทยเสี่ยงถูกสหรัฐขึ้นบัญชีประเทศบิดเบือนค่าเงินหวังผลการค้า

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 16, 2020 17:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ระบุว่า ไทย เวียดนาม ไต้หวัน และสวิตเซอร์แลนด์จะถูกสหรัฐขึ้นบัญชีในฐานะประเทศที่ทำการบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้าจนส่งผลให้สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนมาก

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยรายงานว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในไม่ช้า โดยสหรัฐมีหลักเกณฑ์ 3 ข้อในการตัดสินว่าประเทศใดเข้าข่ายเป็นประเทศที่ทำการปั่นค่าเงิน ได้แก่ ประเทศที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมทั้งธนาคารกลางของประเทศดังกล่าวได้เข้าแทรกแซงค่าเงิน และเข้าซื้อดอลลาร์เกินกว่า 2% ของ GDP

นายแบรด เซดเซอร์ อดีตนักเศรษฐศาสตร์ประจำกระทรวงการคลังสหรัฐ และเป็นสมาชิกในสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐ กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์พบว่า ไทย เวียดนาม และสวิตเซอร์แลนด์ต่างเข้าเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ ขณะที่ไต้หวันเข้าเกณฑ์ในไตรมาส 2 ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐออกมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้ประเทศทั้ง 4

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศจัดเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุนของรัฐบาล (CVD) ต่อยางรถยนต์ที่นำเข้าจากเวียดนาม โดยจะเรียกเก็บในอัตรา 6.23-10.08% ซึ่งการดำเนินการของสหรัฐในครั้งนี้ นับเป็นการใช้มาตรการดังกล่าวเป็นครั้งแรกเพื่อตอบโต้รัฐบาลต่างชาติที่จงใจลดค่าเงินเพื่อเอื้อต่อการส่งออกสินค้า โดยกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า เวียดนามจงใจลดค่าเงินดองให้อ่อนค่าเกินจริงในปีที่แล้วเพื่อหวังผลทางการค้า

ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า เวียดนามได้จงใจลดค่าเงินดองราว 4.7% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ทำการแทรกแซงค่าเงินดอง ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศสุทธิคิดเป็นมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยดำเนินการผ่านทางธนาคารกลางเวียดนาม

รายงานดังกล่าวเป็นรายงานที่กระทรวงการคลังสหรัฐจัดทำขึ้นเพื่อส่งไปยังกระทรวงพาณิชย์สำหรับการสอบสวนกรณีการนำเข้ายางรถยนต์จากเวียดนาม โดยกระทรวงการคลังสรุปว่าเวียดนามได้จำหน่ายยางรถยนต์ในสหรัฐในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลเวียดนามเข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตรา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ