สำนักข่าวเอ็นบีซี นิวส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มผู้นำธุรกิจเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายอำนาจบริหารอย่างสงบ หลังกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บุกเข้าในอาคารรัฐสภาในวันนี้ และมีอย่างน้อยหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่เรียกร้องให้ใช้บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อถอดถอนประธานาธิบดี
แหล่งข่าวระบุว่า บางกลุ่มธุรกิจโทษว่าเป็นความผิดของปธน.ทรัมป์โดยตรงที่ทำให้เกิดเหตุรุนแรงในกรุงวอชิงตัน ซึ่งทำให้สมาชิกสภาคองเกรสที่เข้ารับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ต้องเข้าไปหลบในเซฟเฮาส์ของอาคาร และมีสตรีอย่างน้อยหนึ่งรายถูกยิงในระหว่างเหตุวุ่นวายก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เจย์ ทิมมอนส์ ประธานและซีอีโอของสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติสหรัฐ (NAM) กล่าวว่า "กลุ่มผู้ประท้วงที่พกพาอาวุธที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริงของปธน.ทรัมป์ ว่าตัวปธน.ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ได้บุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐในวันนี้ ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ควบคุมฝูงชน เพียงเพราะปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม"
นายทิมมอนส์ ซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนนโยบายของปธน.ทรัมป์ รวมถึงการปรับลดภาษีนิติบุคคลและสงครามการค้ากับจีน ถึงขั้นเสนอให้นายไมค์ เพนซ์ รองปธน.สหรัฐ พิจารณาที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
บิสิเนส ราวด์เทเบิล ซึ่งเป็นสมาคมไม่แสวงผลกำไรที่มีสมาชิกเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรายใหญ่ๆ ของสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ว่า "ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน คือผลจากความพยายามที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย สหรัฐควรได้รับอะไรที่ดีกว่านี้ กลุ่มบิสิเนส ราวด์เทเบิล ขอเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ทุกรายที่เกี่ยวข้องหยุดความวุ่นวายนี้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ"
สมาชิกรายอื่นๆ ในคณะกรรมการของกลุ่มบิสิเนส ราวด์เทเบิล ประกอบด้วย นายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล อิงค์ นางแมรี บาร์รา ซีอีโอของเจเนอรัล มอเตอร์ นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และผู้บริหารรายอื่น ๆ โดยสมาชิกบางส่วน เช่น นายคุก ได้ออกแถลงการณ์ของตนเอง
นายคุกทวีตข้อความว่า "วันนี้เป็นวันที่น่าเศร้าและน่าละอายในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ" และ "ผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบเหตุจลาจลครั้งนี้ควรจะได้รับการลงโทษ และเราต้องเสร็จสิ้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่คณะทำงานของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ"
นายอาร์วินด์ กฤษณะ ซีอีโอของไอบีเอ็ม ก็ได้ทวีตข้อความว่า "การกระทำเหล่านี้ไม่สมควรมีที่ยืนในสังคมของเรา และพวกเขาต้องหยุดเพื่อให้ระบบประชาธิปไตยของเราทำงานได้"
เหตุจลาจลที่เหนือความคาดหมายในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สภาคองเกรสได้จัดการประชุมร่วมกันระหว่างวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนับผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากคณะผู้เลือกตั้ง โดยรองปธน.ไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง เป็นประธานการประชุมดังกล่าว และจะเป็นผู้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ โดยผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ก่อนที่จะเข้าทำพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.นี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงวอชิงตันเปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 รายหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ก่อเหตุอุกอาจด้วยการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของสหรัฐเพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
โรเบิร์ต คอนตี ผู้บัญชาการตำรวจของกรุงวอชิงตันเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลครั้งนี้รวมถึงผู้หญิง 1 คนที่ถูกตำรวจยิงในอาคารรัฐสภา ส่วนอีก 3 คนเสียชีวิตด้วยเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์