ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร ให้นำสหรัฐกลับเข้าสู่ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งหลายประเทศได้ทำร่วมกันเมื่อปี 2558
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ไบเดนได้ลงนามคำสั่งดังกล่าวที่ห้องรูปไข่ ไม่กี่ชั่วโมงหลังสาบานตนเป็นปธน.คนที่ 46 ของสหรัฐ เพื่อนำสหรัฐกลับเข้าสู่ความตกลงปารีส หลังจากที่อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้
ปธน.ไบเดน กล่าวก่อนลงนามว่า "เราจะต่อสู้กับภัยโลกร้อนในแนวทางที่เรายังไม่เคยได้ทำ"
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ขานรับการประกาศของรัฐบาลสหรัฐ ในการกลับเข้าความตกลงปารีสอีกครั้ง
นายกูเตอร์เรส กล่าวว่า "ผมขอต้อนรับความตั้งใจของปธน.ไบเดน ในการนำสหรัฐกลับเข้าความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกครั้ง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายรัฐบาล เมือง รัฐ ธุรกิจ และผู้คน ที่ดำเนินการอย่างมุ่งมั่นเพื่อเผชิญหน้ากับวิกฤติสภาพอากาศ"
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนเคยให้คำมั่นว่า ตนจะนำสหรัฐกลับเข้าความตกลงปารีสอีกครั้งในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง
ปธน.ไบเดน เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สหรัฐประกาศถอนตัวจากความตกลงดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่า "วันนี้ รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ได้ถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ และในอีก 77 วันข้างหน้า รัฐบาลของปธน.ไบเดนจะกลับเข้าเป็นส่วนหนึ่งอีกครั้ง"
ทรัมป์ ได้ประกาศความตั้งใจที่จะนำสหรัฐออกจากความตกลงปารีสเมื่อตอนที่เขาเพิ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2560 เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ความตกลงนี้มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ เกือบทุกประเทศทั่วโลกได้แสดงความเห็นชอบต่อความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่อปี 2558 หลังจากที่ได้เจรจามาอย่างยาวนาน โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับก่อนยุคอุตสาหกรรม