ทวิตเตอร์ได้ดำเนินการล็อกบัญชีทางการของสถานทูตจีนประจำสหรัฐ หลังจากที่มีการโพสต์ข้อความแสดงการปกป้องนโยบายของรัฐบาลจีนต่อมณฑลซินเจียงทางภาคตะวันตกของจีน ซึ่งกำลังตกเป็นประเด็นว่ารัฐบาลได้ส่วนร่วมในการบังคับให้หญิงชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูรู์ที่อาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียงต้องทำหมัน
สื่อต่างประเทศรายงานว่า สถานทูตจีนได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ในวันที่ 7 ม.ค.ว่า ผู้หญิงอุยกูรูไม่ใช่เครื่องผลิตทารกอีกต่อไป ก่อนที่ข้อความดังกล่าวจะถูกทวิตเตอร์ลบออกจากแพลตฟอร์มในกว่า 24 ชั่วโมงให้หลัง พร้อมติดป้ายกำกับไว้ว่า ทวีตนี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์มีกฎว่า หากข้อความใดถูกบล็อกจากแพลตฟอร์มเนื่องจากทำผิดข้อกำหนดของทวิตเตอร์ เจ้าของบัญชีจะต้องเข้ามาลบข้อความดังกล่าวออกไป เพื่อที่จะสามารถกลับมาใช้งานบัญทวิตเตอร์ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม โฆษกทวิตเตอร์ได้ออกมายืนยันว่า บัญชีของสถานทูตจีนฯ ยังคงไม่สามารถใช้งานได้ นั่นเท่ากับว่าทางสถานทูตยังไม่เข้ามาลบข้อความที่เป็นปัญหาออกจากทวิตเตอร์
โฆษกทวิตเตอร์ระบุว่า บัญชีของสถานทูตจีนฯ ไม่ได้มีการโพสต์ข้อความใดๆ เพิ่มเติมมาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. ทั้งยังตรวจพบว่ามีการเผยแพร่ข้อความที่ละเมิดกฎทวิตเตอร์เพิ่มอีกมากกว่า 12 ข้อความ ส่งผลให้สถานทูตจีนฯ ต้องออกมาปฏิเสธความคิดเห็นดังกล่าวในทันที พร้อมกับเรียกร้องให้ทวิตเตอร์ลบคำว่า "เสแสร้ง" (hypocrisy) ออกจากทวิตเตอร์ด้วย
โฆษกทวิตเตอร์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราได้ดำเนินการกับทวีตนี้เนื่องจากละเมิดนโยบายต่อต้านการลดทอนความเป็นมนุษย์ ซึ่งเรามีกฎอยู่ว่าห้ามกระทำการที่เป็นลดความเป็นมนุษย์ของกลุ่มคนทั้งในด้านศาสนา, วรรณะ, อายุ, ความทุพพลภาพ, อาการป่วยร้ายแรง, ชาติกำเนิด, เผ่าพันธุ์ หรือชาติพันธุ์"
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐได้ลงความเห็นว่า การปราบปรามของรัฐบาลจีนต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ถือว่าเป็นการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" โดยมีการกล่าวหาว่า จีนละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยพุ่งเป้าไปที่ชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่นๆ ในเขตปกครองตนเองซินเจียง เช่น การบังคับให้ทำหมัน การกักขังประชาชนจำนวนมากโดยพลการ และการบังคับใช้แรงงาน