ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Davos Agenda ของ World Economic Forum (WEF) ในวันนี้ โดยนับเป็นการขึ้นพูดครั้งแรกหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐเข้ารับตำแหน่ง
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นทางออนไลน์อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 ม.ค.
ตลาดจับตาการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.สี อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นการแสดงท่าทีต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐในช่วง 4 ปีข้างหน้า สำหรับครั้งล่าสุดนั้น ปธน.สีได้ขึ้นกล่าวเมื่อปี 2560 ก่อนที่อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง โดยในขณะนั้น ผู้นำจีนได้เตือนว่า สงครามการค้าจะสร้างความเสียหายให้ทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำถึงการเปิดกว้างของจีนและประณามการกีดกันทางการค้า
เมื่อไม่นานมานี้ นิตยสาร Qiushi Journal ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนได้เผยแพร่คำพูดในครั้งนั้นของปธน.สี พร้อมยกย่องปธน.สีว่าเป็นผู้มองการณ์ไกล โดยระบุในบทบรรณาธิการว่า คำพูดของปธน.สีนั้นสะท้อนบรรยากาศในเศรษฐกิจโลกที่รุนแรง และเป็นการคาดการณ์ที่สะท้อนอนาคตได้ชัดเจน
อย่างไรก็ดี วันนี้บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐนั้นต่างไปจากเมื่อสี่ปีก่อนมาก โดยในช่วงเวลาดังกล่าว อดีตปธน.ทรัมป์ได้ใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนการจำกัดเสรีภาพของชาวฮ่องกงและชาวอุยกูร์ รวมถึงปิดกั้นไม่ให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งทำให้ปธน.สีได้ออกมาเน้นย้ำถึงนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนคู่ขนาน ที่เน้นการพึ่งพาตนเองควบคู่ไปกับการส่งออก
ทั้งนี้ คาดว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเดียวกับปธน.สีด้วย
ส่วนการประชุม WEF แบบตัวต่อตัวซึ่งปกติจัดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น จะมีขึ้นในสิงคโปร์แทนในเดือนพ.ค.ปีนี้ โดยเป็นการประชุมรอบพิเศษ ซึ่งบรรดาผู้นำทั่วโลกจะเข้ามาร่วมประชุมด้วยตนเอง