นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เธอหวังว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะไต่สวนรัฐบาลฮ่องกงอย่างเป็นธรรมเกี่ยวกับกรณีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
กฎหมายดังกล่าวมีการประกาศใช้ในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วโดยรัฐบาลกลางจีนในกรุงปักกิ่ง โดยไม่ผ่านฝ่ายนิติบัญญัติของฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ได้วิจารณ์การกระทำดังกล่าว และได้กลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนย่ำแย่ลง
อย่างไรก็ตาม นางลัมได้ปฏิเสธว่าฮ่องกงเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ระบุว่าบางครั้งสหรัฐก็ใช้ฮ่องกงเป็นเครื่องมือในการจัดการกับจีน
"เรากำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากมากซึ่งฮ่องกงมักจะตกเป็นเป้าบนเวทีโลก" นางลัมกล่าวกับซีเอ็นบีซี พร้อมระบุว่า มีกฎหมายบางข้อที่ออกโดยสภาคองเกรสของสหรัฐและคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี (Executive Order) ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจและตัวบุคคลในฮ่องกง ซึ่งรวมถึงตัวนางลัมเองด้วย
อย่างไรก็ตาม นางลัมกล่าวเสริมว่า "แต่ดิฉันยังคงเชื่อว่าคณะทำงานของปธน.ไบเดนจะไต่สวนอย่างเป็นธรรมเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ"
ทั้งนี้ หลังการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว คณะทำงานของอดีตปธน.ทรัมป์ได้คว่ำบาตรบุคคล 11 ราย รวมถึงนางลัมในข้อหาบ่อนทำลายเอกราชของฮ่องกง และยึดคืนสถานะพิเศษต่างๆ ที่ฮ่องกงได้รับภายใต้กฎหมายสหรัฐ ที่ปฏิบัติกับฮ่องกงต่างจากเมืองอื่นๆ ของจีน