ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากกองทัพได้ก่อรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจรัฐบาล โดยเวิลด์แบงก์เตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเมียนมามีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย และจะสร้างความเสียหายต่อแนวโน้มการพัฒนาประเทศ
"เรามีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนในเมียนมา ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของเวิลด์แบงก์และบรรดาพันธมิตร เราได้รับผลกระทบจากการถูกปิดช่องทางการสื่อสารทั้งภายในเมียนมาและกับต่างประเทศ" เวิลด์แบงก์ระบุในแถลงการณ์
กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจรัฐบาลเมื่อวานนี้ พร้อมกับควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและผู้นำคนอื่นๆ และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปี โดยกองทัพได้มอบอำนาจการปกครองให้กับนายพลมิน อ่อง หล่าย ขณะที่สัญญาว่าจะจัดการจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังจากนั้น
การก่อรัฐประหารในเมียนมาได้จุดชนวนให้บรรดาผู้นำของโลกตะวันตกออกมาประณาม โดยรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขู่ว่าจะกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตกับเมียนมาอีกครั้ง
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวิลด์แบงก์ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเมียนมา พร้อมทั้งสนับสนุนเมียนมาให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นวงกว้าง และการหลอมรวมสังคมเมียนมาให้มีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้น
เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเมียนมา จะลดลงเพียง 0.5% ในปีงบประมาณ 2562/2563 จากระดับ 0.68% ของปีงบประมาณก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจเมียนมาอาจหดตัวรุนแรงถึง 2.5% หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงยืดเยื้อ