กลุ่มผู้ต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาประท้วงและการหยุดงานมากขึ้นในวันนี้ หลังประชาชนนับหมื่นคนมารวมตัวกันบนท้องถนนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา
รายงานระบุว่า การชุมนุมบนท้องถนนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 ที่เคยเกิดการชุมนุมปฎิวัติชายจีวรของกลุ่มพระสงฆ์ (Saffron Revolution) ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปประชาธิปไตยในเวลาต่อมา
"ผู้ประท้วงจากทุกมุมเมืองของนครย่างกุ้ง โปรดจงออกมากันอย่างสงบและเข้าร่วมการชุมนุมของประชาชน" นายอี ติ่นซา หม่อง นักเคลื่อนไหวชาวพม่าโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กโดยใช้เครือข่าย VPN เพื่อปลุกระดมผู้ประท้วง แม้คณะรัฐประหารพยายามปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั้งหมดก็ตาม
นายอี ติ่นซา หม่อง ซึ่งได้กลายเป็นผู้นำขบวนการประท้วงครั้งใหม่กล่าวเสริมว่า จะมีการประกาศสถานที่และเวลาให้ทราบในภายหลัง
อย่างไรก็ดี การเดินขบวนประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ ต่างไปจากการปราบปรามนองเลือดในปี 2531 และปี 2550
รายงานระบุว่า รัฐบาลเมียนมาได้สั่งปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตตลอดทั้งวันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นอกจากการประท้วงบนท้องถนนแล้ว มีความเคลื่อนไหวของอารยะขัดขืนเพิ่มมากขึ้นในเมียนมา โดยเริ่มจากแพทย์ ตลอดจนครู และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าร่วม
ทั้งนี้ นานาประเทศได้ประณามการก่อรัฐประหารในเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจีและผู้ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ ขณะที่สหรัฐกำลังพิจารณามาตรการคว่ำบาตรต่อเมียนมา