นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแสดงความกังวล หลังกองทัพเมียนมาประกาศมาตรการเคอร์ฟิวและสั่งห้ามประชาชนรวมตัวกันเพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ หลังชาวเมียนมาทั่วประเทศได้พากันออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองทัพเมียนมาได้ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และอีกหลายเมืองเมื่อวานนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ชาวเมียนมาจะไม่สามารถออกจากเคหะสถานในช่วงเวลา 20.00-04.00 น. และสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนรวมตัวกันมากกว่า 5 คน
"สหรัฐจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมา สนับสนุนการชุมนุมโดยสงบ และการประท้วงอย่างสันติเพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย" นายไพรซ์ระบุในแถลงการณ์
วิกฤตในเมียนมาถือเป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากที่เขาได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นอันดับแรกในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ และร่วมมือกับพันธมิตรในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ
นายไพรซ์กล่าวว่า สหรัฐได้เตรียมการรับมืออย่างรวดเร็วหลังเหตุยึดอำนาจ โดยสหรัฐจะจำกัดความช่วยเหลือบางอย่างแก่เมียนมา และระบุอีกว่า ทางการสหรัฐพยายามผลักดันให้จีนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา ร่วมกับนานาประเทศในการประณามการกระทำของกองทัพเมียนมาที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย