นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐเตือนว่า จีนอาจต้องเผชิญกับผลลัพธ์ของการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการจัดการชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน
ที่ผ่านมานั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลกในเรื่องการจัดการกับชาวมุสลิมอุยกูร์ในค่ายกักกันและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีอื่นๆ
"จีนจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ในเรื่องนี้ และปธน.สี จิ้นผิง ก็รู้เรื่องนี้ดี " ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นถามเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันปธน.ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐจะเน้นย้ำบทบาทในระดับโลกของตนเองอีกครั้งในเรื่องการพูดถึงสิทธิมนุษยชน และสหรัฐจะทำงานร่วมกับประชาคมโลกเพื่อผลักดันให้จีนปกป้องคนเหล่านั้น
"จีนกำลังพยายามอย่างหนักที่จะขึ้นเป็นผู้นำโลก แต่การที่จีนจะสามารถทำเช่นนั้นได้ จีนจะต้องได้รับความเชื่อมั่นจากประเทศอื่น ตราบใดที่จีนยังมีส่วนในกิจกรรมที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชน ก็เป็นเรื่องยากที่จะขึ้นเป็นผู้นำโลกได้" ปธน.ไบเดนกล่าว
เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้พูดคุยกับปธน.สีทางโทรศัพท์เป็นเวลานาน 2 ชั่วโมง โดยปธน.ไบเดนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสหรัฐในการรักษาภูมิภาคอินโดแปซิฟิกให้มีเสรีและเปิดกว้าง โดยภูมิภาคแห่งนี้เป็นที่ซึ่งสหรัฐและจีนเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติด้านการค้ารวมถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนที่บีบบังคับและไม่ยุติธรรมของจีน เช่น การปราบปรามฮ่องกง ค่ายกักกันซินเจียง และท่าทีคุกคามที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย เช่นการคุกคามต่อไต้หวันซึ่งจีนอ้างว่าเป็นดินแดนของตนเอง