สหรัฐประณามเมียนมากวาดล้างผู้ชุมนุม ขณะยอดตายสูงสุดนับตั้งแต่รัฐประหาร

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 4, 2021 13:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สหรัฐออกโรงวิพากษ์วิจารณ์กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาที่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร ขณะที่สหประชาชาติ (UN) ระบุว่ามีผู้ประท้วงเสียชีวิตจำนวนมากถึง 38 รายแล้วในขณะนี้

นายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า การทำลายชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และย้ำว่าสหรัฐกำลังพิจารณาจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้กองทัพเมียนมาต้องรับผิดชอบ

นอกจากนี้ ความรุนแรงครั้งล่าสุดยังเกิดขึ้นหลังนายพลมิน อ่อง หล่ายผู้นำการรัฐประหารบอกให้กองกำลังความมั่นคงหลีกเลี่ยงการใช้กระสุนจริงด้วย

"เรามองถึงตัวเลือกทางนโยบายที่เหมาะสมตามสถานการณ์เสมอ" นายไพรซ์กล่าวที่งานแถลงข่าว "การเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้"

นางคริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำเมียนมากล่าวว่า สถานการณ์ในเมียนมาอาจกลายเป็นสงครามจริง พร้อมกับเตือนกองทัพเมียนมาว่าอาจเผชิญมาตรการที่รุนแรงจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ขณะที่ทางฝั่งเมียนมาตอบกลับว่า "เราชินกับการถูกคว่ำบาตรแล้ว และเรารอดจากการคว่ำบาตรมาแล้วในอดีต"

"ดิฉันยังได้เตือนด้วยว่าเมียนมาอาจถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว" นางบูร์เกเนอร์เสริม ซึ่งทางเมียนมาตอบว่า "เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเพื่อนเพียงไม่กี่คน"

นางบูร์เกเนอร์เปิดเผยว่า มีผู้ประท้วงในเมียนมาเสียชีวิตแล้ว 38 รายในขณะนี้ หลังกองทัพเมียนมาได้เปิดฉากยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงเมื่อวานนี้ โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารและเข้ายึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

ทูตพิเศษ UN ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมมือกันเพิ่มแรงกดดันให้กองทัพเมียนมายุติการกวาดล้างผู้ชุมนุม โดยนอกจากจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแล้ว ขณะนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทหารยิงอย่างน้อย 30 ราย

แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า UNSC อาจจะจัดประชุมเป็นการภายในในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า UNSC จะแสดงจุดยืนเดียวกันในประเด็นเมียนมาหรือไม่ เนื่องจากจีนซึ่งเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของ UNSC ยังคงหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์กองทัพเมียนมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ