กลุ่มนักเคลื่อนไหวสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในเมียนมาได้ให้คำมั่นว่าจะยังคงมีการชุมนุมประท้วงต่อไป แม้ว่านางคริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษของสหประชาชาติ (UN) ประจำเมียนมาระบุว่า ขณะนี้มีผู้ประท้วงเสียชีวิตมากถึง 38 ราย โดยตัวเลขนี้ถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารและเข้ายึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวซึ่งอ้างแหล่งข้อมูลจากพยานผู้พบเห็นระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารของเมียนมาได้เปิดฉากยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงเมื่อวานนี้โดยไม่มีการประกาศเตือน แม้ว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพิ่งจะมีการเรียกร้องให้คณะรัฐประหารใช้ความอดทนอดกลั้นก็ตาม
"เรารู้ดีว่าเราอาจตายได้ทุกเมื่อจากการถูกยิงด้วยกระสุนจริง แต่การมีชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของคณะรัฐประหารนั้นไร้ซึ่งความหมายใดๆ เราจึงเลือกหนีจากการถูกกดขี่ด้วยหนทางที่อันตรายเช่นนี้ เราจะต่อสู้กับคณะรัฐประหารด้วยทุกวิถีทาง เป้าหมายสูงสุดของเราคือการถอนรากถอนโคนระบอบรัฐประหารให้สิ้นซาก" นายหม่อง ซองคา นักเคลื่อนไหวชาวเมียนมากล่าว โดยเขาเป็นหนึ่งในคณะผู้ประสานงานการนัดหยุดงานของแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งได้ประกาศนัดชุมนุมประท้วงอีกครั้งในวันนี้
ด้านแกนนำนักเคลื่อนไหวรายอื่นๆ ก็ได้มีการโพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลมีเดียว่าจะมีการนัดชุมนุมประท้วงอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในเมืองย่างกุ้ง โดยฝ่ายผู้สนับสนุนนางออง ซาน ซูจี ผู้ชนะการเลือกตั้งได้มีการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจี และขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในเดือนพ.ย. 2563
ทั้งนี้มีรายงานว่า มีประชาชนในเมืองมัณฑะเลย์พบเห็นเครื่องบินเจ็ตจำนวน 5 ลำบินโฉบผ่านในระยะต่ำเมื่อเช้าวันนี้ โดยคาดว่าเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพเมียนมา