ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ นำชาติพันธมิตรทั่วโลกร่วมประณามกองทัพเมียนที่ใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามผู้ประท้วง โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ หลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจของเมียนมาเปิดฉากสังหารผู้ประท้วงซึ่งได้เรียกร้องมาตลอดหลายสัปดาห์ให้คณะรัฐประหารคืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือนที่ชนะการเลือกตั้ง รวมถึงให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมาและผู้นำรัฐบาลพลเรือน
ข้อมูลจากสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ในวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 มี.ค.) เพียงวันเดียว มีประชาชนถูกสังหารอย่างน้อย 107 ราย โดยในจำนวนนี้มีเด็กและเยาวชนอยู่หลายราย นับเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่การก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 โดยในวันดังกล่าวนั้น คณะรัฐประหารได้จัดให้มีการแสดงครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองวันกองทัพ (Armed Forces Day) ด้วยการจัดขบวนสวนสนามประจำปีเพื่อแสดงแสนยานุภาพทางการทหารของกองทัพเมียนมา
นอกจากนี้ ข้อมูลจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) ยังระบุว่า นับตั้งแต่ที่กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจบริหารจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา มีประชาชนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 459 ราย
"จากรายงานที่ผมได้รับมา เรื่องนี้นับว่าน่าตกใจมากและเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ มีประชาชนจำนวนมากถูกสังหารโดยไม่มีเหตุอันควรเลย" ปธน.ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้
ด้านนายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า บรรยากาศการเฉลิมฉลองของกองทัพเมียนมานั้ นแปดเปื้อนไปด้วยความโหดร้ายและความน่าอดสูของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน
การร่วมประณามของนานาชาติในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจากสหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น และพันธมิตรรายอื่นๆ ได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์กองทัพเมียนมาเมื่อวานนี้ โดยแถลงการณ์ร่วมระบุว่า "กองทัพควรทำตามมาตรฐานสากลและต้องปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ทำร้ายประชาชนของประเทศตนเอง"