นายจอห์น เคอร์รี ผู้แทนพิเศษว่าด้วยประเด็นสภาพภูมิอากาศของสหรัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ไม่มีประเทศใดที่สามารถแก้ไขวิกฤตโลกร้อนได้เพียงลำพัง ขณะที่การเดินหน้าวิจัยและพัฒนาของสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเอาชนะจีน
"ไม่มีชาติใดที่แก้ไขปัญหานี้ได้เพียงลำพัง ฉะนั้นทุกประเทศควรร่วมโต๊ะเจรจาเพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วง" นายเคอร์รีกล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ออกมาประกาศว่าการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนถือเป็นวาระที่รัฐบาลของเขาให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมาตรการพลังงานสะอาดของปธน.ไบเดนมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้สหรัฐปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2593
ทั้งนี้ หากแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ก็จะถือเป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐในการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ
ในงบประมาณดังกล่าว สหรัฐจะลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และอีก 1.74 แสนล้านดอลลาร์ในการยกเครื่องตลาด EV แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับงบประมาณที่จีนทุ่มเทวิจัยพลังงานสะอาดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาของจีนเพิ่มขึ้น 10.3% แตะที่ 3.78 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 ซึ่งสูงกว่าสหรัฐ อย่างไรก็ดี จีนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นสัดส่วน 30% ของโลก หรือมากกว่าสหรัฐเกิน 2 เท่า ทำให้ตัวเลขงบประมาณดังกล่าวค่อนข้างสมเหตุสมผล
นายเคอร์รีกล่าวว่า "ประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจีน และไม่ได้มุ่งหมายจะเอาชนะจีน แต่ประเด็นนี้เกี่ยวโยงกับทั้งจีน สหรัฐ อินเดีย รัสเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก แต่สหรัฐและจีนเป็นชาติที่ปล่อยออกมามากที่สุด"