รัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐอยู่ในระหว่างการหารือกับชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ (NATO) เกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังรัสเซียส่งกำลังทหารเข้าประจำการเพิ่มเติมในพื้นที่ชายแดนฝั่งที่ติดกับยูเครน
นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า "ขณะนี้รัสเซียมีกำลังทหารประจำการในพื้นที่ชายแดนติดยูเครนจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 และในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ทหารของยูเครนถูกสังหารแล้ว 5 ราย" โดยเธอกล่าวว่า สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
"สหรัฐมีความกังวลมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับท่าทีคุกคามของรัสเซียในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครน รวมถึงการเคลื่อนไหวของกำลังทหารรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนด้วย" นางซากีกล่าว และระบุเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐของปธน.ไบเดนอยู่ในระหว่างการหารือกับชาติพันธมิตรในนาโต้เกี่ยวกับระดับความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นและการฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง
นางซากีได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียซึ่งเป็นไปอย่างตึงเครียด โดยนางแมร์เคิลได้เรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียปรับท่าทีทางด้านการทหารให้อ่อนลงในบริเวณใกล้ภาคตะวันออกของยูเครน
"นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลเรียกร้องให้รัสเซียลดแรงกดดันทางทหาร เพื่อลดระดับความตึงเครียดของสถานการณ์นี้" รัฐบาลเยอรมนีระบุในบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสอง
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งทหารเข้าประจำการในบริเวณชายแดนฝั่งที่ติดกับยูเครนเพิ่มเติม ส่งผลให้ชาติตะวันตกเกิดความกังวลว่า การกระทำดังกล่าวอาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศทั้งสอง โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า รัสเซียมีการซ้อมรบมากกว่า 4 พันครั้งในเดือนนี้ เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกองกำลัง