การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ยังไม่มีแนวโน้มบรรเทาลงจนถึงขณะนี้ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 30 รายในฉนวนกาซา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก 10 คน และมีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 3 ราย โดยการสู้รบครั้งนี้ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในกรุงเยรูซาเล็มได้ลุกลามไปยังฝั่งทะเลตะวันตกแล้วในขณะนี้
รายงานระบุว่า อิสราเอลได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ซึ่งส่งผลให้อาคารบ้านเรือนจำนวนมากในฉนวนกาซาพังทลายลง ขณะที่กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้ยิงจรวดหลายลูกเข้าถล่มอิสราเอล โดยมีรัศมีไกลถึงเมืองเทลอาวีฟ ซึ่งทำให้พลเมืองชาวอิสราเอลต้องหลบหนีเข้าไปในหลุมหลบระเบิด
การปะทะกันสองฝ่ายส่งผลให้นานาประเทศออกมาเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ และยังส่งผลให้เกิดความกังวลว่า สถานการณ์อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น ขณะที่อิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างก็ยืนยันว่า ปฏิบัติการสู้รบระหว่างกันยังไม่จบลงง่ายๆ
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวเมื่อวานนี้ว่า "เรากำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติการครั้งใหญ่ เราได้ตัดสินใจแล้วว่า กลุ่มฮามาสและกลุ่มจีฮัดจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป เลือดจะต้องล้างด้วยเลือด และปฏิบัติการครั้งนี้ยังไม่จบ"
ทางด้านนายมูฮัมหมัด ชาเตย์เยห์ นายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เข้ามาแทรกแซงสถานการณ์เพื่อยับยั้งความแข็งกร้าวที่อิสราเอลได้กระทำต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์