สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ตัดสินใจระงับใช้มาตรการบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีเหล็กกล้าซึ่งเป็นข้อพิพาทกับสหรัฐเป็นการชั่วคราว
"สำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้ เราได้เจรจาเพื่อเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอียูอีกครั้ง" นายวัลดิส โดมโบรฟสกิส ประธานฝ่ายการค้าของอียูกล่าวในระหว่างการประกาศว่า ชาติสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศจะไม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ เนื่องจากการตอบโต้ระหว่างสหรัฐ-อียูนั้นส่งผลต่อสินค้าต่างๆ ตั้งแต่การผลิตเหล็กกล้าไปจนถึงยอดจำหน่ายสุรา"
การระงับการเก็บภาษีนำเข้าชั่วคราวตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ทั้งสองฝ่ายต้องการเจรจาเพื่อหาทางออกเรื่องกำลังการผลิตส่วนเกินของเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่เกิดขึ้นทั่วโลก
นายโดมโบรฟสกิสกล่าวว่า "เรากำลังเปิดโอกาสเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวก่อนสิ้นปีนี้"
แถลงการณ์ร่วมยังระบุว่า เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์สูงสุดภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย สหรัฐและยุโรปจึงเห็นพ้องที่จะไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อการค้าระดับพหุภาคี
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการดำเนินการขั้นที่สองเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าให้กลับมาดีขึ้นภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากที่เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาสหรัฐและอียูได้ตัดสินใจระงับการเก็บภาษีนำเข้าเป็นเวลา 4 เดือนในข้อพิพาทที่มีมายาวนานในเรื่องการให้เงินอุดหนุนการผลิตเครื่องบินของบริษัทโบอิ้งและบริษัทแอร์บัส
ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ปธน.ไบเดนจะเดินทางไปเยือนสำนักงานใหญ่ของอียูในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อหารือถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ หลังจากที่อียูมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับสหรัฐในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์