กลุ่มประเทศ G7 ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มเทคโนโลยีและนโยบายที่ช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ถ่านหิน ซึ่งรวมถึงการยุติสนับสนุนการใช้พลังงานถ่านหินภายในสิ้นปีนี้
กลุ่ม G7 ออกแถลงการณ์หลังการประชุมสุดยอดที่สหราชอาณาจักร โดยยืนยันคำมั่นที่จะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดการปลดปล่อยมลพิษที่มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความพยายามที่จะขับเคลื่อนพลังงานสะอาดมากขึ้น แม้ว่ากลุ่มที่สนับสนุนด้านสภาพภูมิอากาศจะระบุว่า สัญญาการสนับสนุนเงินและรายละเอียดอื่นๆ ยังคงไม่ชัดเจน
"การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินคือสาเหตุใหญ่ที่สุดของการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจก" กลุ่ม G7 ระบุ "การลงทุนทั่วโลกในด้านการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินที่ยังคงเพิ่มขึ้นนั้นไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะรักษาอุณหภูมิให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส"
"เราเน้นว่าการลงทุนระหว่างประเทศในถ่านหินต้องหยุดเดี๋ยวนี้ และเรามุ่งมั่นที่จะยุติการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินภายในปี 2564" รายงานระบุ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เน้นถึงการสนับสนุนเงินทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้เปลี่ยนแปลงการใช้ถ่านหิน
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ดังกล่าว กลุ่ม G7 ยังได้ให้คำมั่นที่จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอื่นๆ รวมถึงการดักจับคาร์บอน เพื่อช่วยเร่งการลดใช้ถ่านหิน
แถลงการณ์ระบุว่า "เราจะให้ความสำคัญกับการเร่งความคืบหน้าในการผลิตไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ไฮโดรเจน การดักจับคาร์บอน การใช้และการจัดเก็บ การปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและการขนส่งเป็นศูนย์ และพลังงานนิวเคลียร์สำหรับประเทศต่างๆ ที่พร้อมใช้งาน"
สำหรับประเทศในกลุ่ม G7 นั้น ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ