ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้มีการดำเนินการโดยเร็วต่อกรณีที่รัฐบาลทหารของเมียนมาใช้ความรุนแรงกวาดล้างกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยจนถึงแก่ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงไปทั่วประเทศ
"มีการออกหมายจับบุคลากรทางการแพทย์หลายร้อยคนซึ่งตกเป็นเป้าหมายของการกระทำที่รุนแรงของกองทัพที่ก่อเหตุรัฐประหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลของนางออง ซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 ก.พ." นายทอม แอนดรูวส์ ผู้เสนอรายงานพิเศษด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาขององค์การสหประชาชาติ (UN) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
นายแอนดรูวส์ระบุว่า "ประชาชนในเมียนมาต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเนื่องจากโควิด-19 ระบาดหนัก คุณไม่สามารถต่อสู้กับโควิดได้ หากยังโจมตีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเวลาเดียวกัน" ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า "เราอยู่ภายใต้รัฐประหารมาร่วมหกเดือนแล้ว ผู้คนหลายร้อยชีวิตต้องถูกฆ่า อีกไม่รู้เท่าไรที่ถูกทรมาน ขณะที่กองทัพยังเดินหน้าจับกุมและทำร้ายประชาชนทั่วประเทศ ยิ่งกว่านั้นคือเรากำลังเผชิญกับโควิด"
นายแอนดรูวส์ยังเปิดเผยว่า นอกจากการเข้าจับกุมและข่มขู่ว่าจะกักขังเจ้าหน้าที่แล้ว รัฐบาลทหารยังบุกเข้าไปในคลินิกพร้อมทั้งขโมยเวชภัณฑ์ที่สำคัญไปด้วย นอกจากนี้ เขายังแสดงความกังวลเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำและสถานที่ควบคุมตัวซึ่งมีนักโทษหลายพันคนถูกจองจำ ขณะที่ความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสถานที่ดังกล่าวก็รุนแรงขึ้นด้วย
ส่วนเมื่อวานนี้ เมียนมารายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วประเทศกว่า 289,000 ราย และเสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 8,550 ราย โดยนายแอนดรูวส์คาดว่ายอดตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านั้นมาก ขณะที่รัฐบาลทหารได้ออกคำสั่งให้ประชาชนใน 98 เมืองอยู่ภายในบ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
นอกจากนี้ รัฐบาลทหารยังต่อต้านแนวทางการแก้ไขปัญหาของ UN มาโดยตลอด และปฏิเสธการทำหน้าที่ของนายแอดรูวส์ โดยขัดขวางไม่ให้เขาเข้าประเทศ ส่วนเมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลทหารได้กล่าวหาว่า เขาแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมาจากการกล่าวปาฐกถาในการประชุมของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนที่นครเจนีวา