ไบเดนจี้ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา-เท็กซัสร่วมมือคุมโควิด หากทำไม่ได้ต้องหลีกทาง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาและรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงถึง 1 ใน 3 ของยอดรวมผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐ ให้ดำเนินการตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และหากผู้ว่าการรัฐเหล่านี้ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ก็ควรหลีกทางให้ผู้อื่นเข้ามาทำงานแทน โดยในขณะนี้รัฐบาลสหรัฐกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในการควบคุมการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังประกาศว่า สหรัฐได้บริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวนกว่า 110 ล้านโดสให้กับ 65 ประเทศ อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวยังคงจับตาวิกฤตการณ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดในรัฐฟลอริดาและเท็กซัสที่เป็นเหตุให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

นายรอน เดซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาสังกัดพรรครีพับลิกันได้ต่อต้านกฎระเบียบที่เข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาได้ขัดขวางคำสั่งการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียน ขณะที่นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้ต่อต้านคำสั่งการสวมหน้ากากอนามัยในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า "ผู้ว่าการรัฐบางคนไม่เต็มใจที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสกัดการแพร่ระบาด ดังนั้น พวกเขาควรเปิดทางให้ภาคธุรกิจและมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่แทน เนื่องจากภาคส่วนเหล่านี้ต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส"

"ผมขอบอกกับผู้ว่าการรัฐเหล่านี้ว่า หากคุณไม่อยากช่วย อย่างน้อยคุณต้องเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาทำ" ปธน.ไบเดนกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายเดซานติสและนายแอบบ็อตจะดำเนินการบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อพลเมืองในรัฐของตนหรือไม่ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า "ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของพวกเขาไม่เป็นผลดีต่อพลเมืองอย่างแน่นอน"

นายเจฟฟ์ เซนท์ส เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานด้านการรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศนั้น พบในรัฐฟลอริดาและเท็กซัสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทางด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ทางทำเนียบขาวได้หารือร่วมกับผู้ว่าการรัฐทั้งสองแห่ง เพื่อเสนอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา