นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า เขาจะเดินหน้าต่อสู้ให้ได้รับความไว้วางใจในรัฐสภาในเดือนก.ย.นี้ เพื่อพิสูจน์ว่าเขามีความชอบธรรมตามกฎหมายในการเป็นผู้นำรัฐบาลมาเลเซีย
ที่ผ่านมานั้น รัฐสภามาเลเซียยังไม่เคยโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
นายยัสซินซึ่งก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในเดือนมี.ค.ปีที่แล้วได้ครองที่นั่งเสียงข้างน้อยในรัฐสภา โดยนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายยัสซินพยายามหลีกเลี่ยงการโหวตเสียงในรัฐสภาเพราะเกรงว่าพรรคฝ่ายค้านจะใช้สิทธิในการโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายยัสซินได้เผชิญกับแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากกษัตริย์อัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ ได้แสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลเพิกถอนกฎหมายว่าด้วยการใช้สถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐสภาตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ
สถานการณ์การเมืองในมาเลเซียเข้าสู่ภาวะตกต่ำนับตั้งแต่นายมหาเธร์ โมฮัมหมัดได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งเปิดทางให้นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลผสมซึ่งแต่ละพรรคมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองถือเป็นการซ้ำเติมมาเลเซียที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากจากการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดของไวรัสโควิด-19 โดยรายงานระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในมาเลเซียพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10,000 รายเป็นครั้งแรกในช่วงกลางเดือนก.ค. และตัวเลขยังคงอยู่ที่ระดับดังกล่าวนับตั้งแต่นั้น แม้รัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดก็ตาม
มูดี้ส์ อนาไลติกส์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจมาเลเซียในปี 2564 ลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 5.6% หลังมาตรการจำกัดการเดินทางได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 2564 สู่ระดับ 5.5% จากระดับ 6% โดยระบุว่าการที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศขยายระยะเวลาใช้มาตรการล็อกดาวน์ในไตรมาส 2/2564 นั้น คาดว่าจะส่งผลให้อุปสงค์ภายในประเทศได้รับแรงกดดันอีกครั้ง