เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์สเตรท ไทม์สรายงานว่า ชาวฮ่องกงจำนวนมากโดยเฉพาะบรรดานักเรียนและนักศึกษาได้พากันเดินทางออกจากฮ่องกง เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีชาวฮ่องกงอีกจำนวนมากที่ตัดสินใจอพยพออกจากฮ่องกงไปยังสหราชอาณาจักร หลังจากรัฐบาลจีนยกเครื่องระบบการศึกษา
อลัน ชาน วิศวกรชาวฮ่องกงเปิดเผยกับสเตรทส์ ไทม์สว่า เขาได้พาครอบครัวอพยพถิ่นฐานไปยังสหราชอาณาจักรในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทำให้เขาไม่อาจทนกับสภาพแวดล้อมแบบเดิมได้ โดยเขาต้องการให้ลูกเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เป็นประชาธิปไตยและมีเสรีภาพในการเรียนในโรงเรียนมากขึ้น
รัฐบาลจีนประกาศกฎใหม่เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยสั่งห้ามโรงเรียนกวดวิชาแสวงหาผลกำไรในวิชาหลักของโรงเรียน เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังสั่งจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจด้านการศึกษา ทั้งในรูปแบบการควบรวมกิจการ การซื้อกิจการ หรือการซื้อแฟรนไชส์
อีวาน ชอย อาจารย์ประจำภาควิชาการเมืองของมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong กล่าวว่า ภาคการศึกษาของฮ่องกงจะเผชิญแรงกดดันเมื่อปีการศึกษาใหม่เริ่มเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า โดยคาดว่า ครูผู้สอนและโรงเรียนจะเจอกับอุปสรรคในการด้านการเงิน เนื่องจากนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนนั้น มีจำนวนลดลงอย่างมาก
"รัฐบาลจีนและฮ่องกงมองว่า ธุรกิจสื่อและการศึกษาควรต้องแบกรับความรับผิดชอบต่อเยาวชนมากที่สุด รัฐบาลคิดว่าภาคส่วนทั้งสองนี้จะต้องได้รับการปรับปรุง แต่มาตรการดังกล่าวส่งผลให้การลงทะเบียนเรียนในปี 2563 ทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้กำลังบั่นทอนเสถียรภาพด้านการเงินของโรงเรียนหลายแห่งที่กำลังสูญเสียทั้งรายได้ค่าเทอมและการอุดหนุนจากรัฐบาล ในขณะที่นักเรียนก็ลาออกจำนวนมาก" เขากล่าว
รัฐบาลฮ่องกงประกาศตัดความสัมพันธ์กับสหภาพ Hong Kong Professional Teachers' Union ซึ่งเป็นสหภาพครูที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง โดยกล่าวหาว่า สหภาพครูแห่งนี้พยายามจุดไฟเผาเมืองด้วยการสนับสนุนความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ขณะที่สื่อของรัฐบาลจีนระบุว่า สหภาพดังกล่าวเป็นเนื้อร้ายที่จะต้องตัดทิ้ง