เครื่องบินทหารหลายลำที่ใช้ในภารกิจอพยพนักการทูตและพลเรือนออกจากอัฟกานิสถานได้เริ่มเดินทางออกจากสนามบินกรุงคาบูลแล้วในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์ฝูงชนออกจากรันเวย์ได้เป็นผลสำเร็จ
เมื่อวานนี้ สนามบินกรุงคาบูลต้องปิดการดำเนินการ หลังจากประชาชนจำนวนมากได้กรูกันเข้าไปในรันเวย์ ส่งผลให้เกิดความโกลาหลและทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ชายชาวอัฟกันสองคนที่พกพาอาวุธได้ถูกสังหารโดยกองกำลังทหารสหรัฐในขณะที่ประชาชนหลายพันคนพยายามยื้อแย่งที่จะขึ้นเครื่องบิน
พลเอกแฮงค์ เทเลอร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า สนามบินกรุงคาบูลได้กลับมาเปิดทำการอีกครั้งในเวลา 19.35 น.ในวันจันทร์ตามเวลา GMT หรือประมาณ 02.35 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ โดยสหรัฐได้เข้าควบคุมสถานการณ์ทางอากาศที่สนามบินดังกล่าวเพื่อจัดการเที่ยวบินทหารและเที่ยวบินพาณิชย์
พลเอกเทเลอร์กล่าวว่า มีทหารสหรัฐประมาณ 2,500 นายอยู่ในกรุงคาบูลเพื่อให้ความช่วยเหลือในการอพยพบุคลากรของสหรัฐและชาวอัฟกานิสถานที่ทำงานให้กับสหรัฐ พร้อมกับคาดการณ์ว่า กองกำลังทหารที่สหรัฐส่งมาเพิ่มเติมจะเดินทางถึงอัฟกานิสถานในไม่ช้านี้
ก่อนหน้านี้มีชาวอัฟกานิสถานหลายพันคนได้พากันไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซในกรุงคาบูลเนื่องจากคาดหวังที่จะหนีออกนอกประเทศโดยอาศัยเครื่องบินของกองทัพสหรัฐที่ส่งมารับพลเมืองกลับประเทศ หลังจากที่กลุ่มตาลีบันได้บุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงคาบูลได้สำเร็จ โดยความโกลาหลที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้การอพยพพลเมืองของสหรัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก
สถานีโทรทัศน์หลายแห่งเผยแพร่ภาพข่าวที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอัฟกานิสถานจำนวนมากได้มารวมตัวกันเนืองแน่นบริเวณสนามบิน และพยายามหาทางหลบหนี โดยมีบางส่วนเกาะเครื่องบินของกองทัพสหรัฐขณะเคลื่อนออกจากรันเวย์ และมีชาวอัฟกันรายหนึ่งร่วงตกลงมาขณะเครื่องกำลังบินขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มตาลีบันได้รุกคืบเข้าสู่กรุงคาบูลและสามารถยึดครองทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถานได้สำเร็จ หลังจากนายอัชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัฟกานิสถานส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้ตัดสินใจถอนกองกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มตาลีบันสามารถยึดครองอัฟกานิสถานได้อย่างรวดเร็ว