สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐมีท่าทีประหลาดใจกับข่าวที่ว่า นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้แสดงความประสงค์ที่จะลาออกจากตำแหน่ง โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งแสดงความประหลาดใจกับข่าวดังกล่าว และแสดงความสนใจว่าใครจะขึ้นรับตำแหน่งต่อจากนายซูงะ
คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้เวลาหลายเดือนในการกระชับสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ท่ามกลางความพยายามตอบโต้การขยายอิทธิพลของจีน โดยนายซูงะได้เป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ได้รับเชิญไปยังทำเนียบขาวเพื่อหารือกับปธน.ไบเดนในเดือนเม.ย.
เจมส์ สคอฟฟ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐ-ญี่ปุ่นจากสถาบันวิจัยคาร์เนกี้ เอนโดวเมนต์ ฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล พีซ (Carnegie Endowment for International Peace) แสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจอย่างกะทันหันของนายซูงะที่จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในการเลือกตั้งวันที่ 29 ก.ย. นี้ ซึ่งหมายความว่านายซูงะจะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
"รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องเริ่มความสัมพันธ์กับคณะทำงานของปธน.ไบเดนใหม่ ซึ่งพูดตรงๆ แล้วก็น่าผิดหวังเล็กน้อย" นายสคอฟฟ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสคอฟฟ์เชื่อว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีไม่มาก เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับคณะทำงานของปธน.ไบเดนเริ่มมาได้ไม่ถึง 1 ปี
นายสคอฟฟ์กล่าวว่า แม้ความตั้งใจที่จะลาออกของนายซูงะจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ แต่ก็ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น เนื่องจากนายซูงะมีคะแนนความนิยมตกต่ำท่ามกลางเสียงวิจารณ์การรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19