หัวหน้าคณะอัยการของเฮติเปิดเผยว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า นายอาเรียล อองรี รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ พร้อมกับมีคำสั่งห้ามไม่ให้นายอองรีเดินทางออกนอกประเทศจนกว่าเขาจะสามารถตอบข้อซักถามของคณะอัยการแล้วเสร็จ
คณะอัยการได้ขอหมายเรียกจากตำรวจเพื่อเชิญนายอองรีเข้าให้ปากคำกรณีที่เขาได้ติดต่อกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่มีส่วนพัวพันกับการลอบสังหารประธานาธิบดี โดยบันทึกการโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่า นายอองรีได้พูดคุยกับผู้ต้องสงสัยชื่อนายโจเซฟ บาดิโอ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเฮติในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ปธน.โมอิสถูกลอบสังหารที่บ้านพักในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ขณะนี้นายอองรีได้กลายเป็นผู้ถูกสงสัยมากที่สุดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารปธน.โมอิส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยมากกว่า 40 คน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะโยงไปถึงตัวผู้ที่ออกคำสั่งและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ที่ลงมือสังหาร รวมทั้งแรงจูงใจในการสั่งการให้สังหาร
ทางด้านสำนักนายกรัฐมนตรีเฮติได้ปฏิเสธคำสั่งที่อัยการห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรีอองรีเดินทางออกนอกประเทศ โดยกล่าวว่า เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นการคุกคามทางการเมือง ขณะที่สื่อมวลชนได้พยายามโทรศัพท์ถึงนายอองรีเพื่อขอสัมภาษณ์ความคิดเห็น แต่จนถึงขณะนี้นายฮองรียังไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ กฎหมายของเฮติกำหนดว่า ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายดำเนินคดีกับข้าราชการระดับอาวุโสโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้นำประเทศ ซึ่งผู้นำของเฮติในขณะนี้ก็คือนายอองรี
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายพร้อมด้วยอาวุธได้บุกเข้าไปลอบสังหารปธน.โมอิสในบ้านพัก ซึ่งส่งผลให้ทั้งปธน.โมอิส และนางมาร์ติน โมอิสผู้เป็นภรรยา เสียชีวิต โดยเหตุลอบสังหารปธน.เฮติเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง และภาวะไร้เสถียรภาพในเฮติ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการอาชญากรรม