ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เรียกร้องให้นานาประเทศเคารพอธิปไตย เอกราช และบูรณภาพแห่งดินแดนของอัฟกานิสถาน ตลอดจนสนับสนุนการใช้หลักการ "Afghan-led, Afghan-owned" และปล่อยให้ประชาชนชาวอัฟกันตัดสินอนาคตของประเทศของตนเองอย่างเป็นอิสระ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงของผู้นำจีนมีขึ้นในระหว่างที่เขาเข้าร่วมการประชุมกับบรรดาผู้นำชาติสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) และองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (Collective Security Treaty Organization) ในประเด็นที่เกี่ยวกับอัฟกานิสถาน ผ่านทางลิงก์วิดีโอ
ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับตาลีบัน โดยจีนมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มตาลีบันตั้งแต่ก่อนที่นักรบตาลีบันจะเข้ายึดครองอัฟกานิสถานเมื่อเดือนที่แล้ว ด้านสหรัฐและกลุ่มพันธมิตร G7 เห็นพ้องที่จะหาวิธีการรับมือกับกลุ่มตาลีบัน และขัดขวางไม่ให้กลุ่มตาลีบันเข้าถึงเงินสำรองของอัฟกานิสถาน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจจะหมดไป หากจีนและรัสเซียให้เงินทุนแก่กลุ่มตาลีบัน
นางชาไมลา ข่าน ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ของบริษัท AllianceBernstein กล่าวว่า อัฟกานิสถานมีแร่หายากมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน ต่างพยายามที่จะครอบครองทรัพยากรอันมีค่าดังกล่าว หลังจากรัฐบาลอัฟกานิสถานล่มสลายและทำให้กลุ่มตาลีบันเข้ามาครอบครองประเทศ
นางข่านเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า กลุ่มตาลีบันกลับมามีอำนาจพร้อมด้วยทรัพยากรซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับโลกนี้ โดยจะมีการฉกฉวยประโยชน์จากแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ นางข่านกล่าวว่า ประชาคมโลกควรหันมากดดันจีน หากจีนแสดงความต้องการที่จะเป็นพันธมิตรกับกลุ่มตาลีบัน
ข้อมูลจากนายอาห์หมัด ชาห์ คาตาวาไซ อดีตนักการทูตของอัฟกานิสถานประจำกรุงวอชิงตันระบุว่า อัฟานิสถานมีแร่หายากมูลค่าประมาณ 1-3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยแร่หายากในอัฟกานิสถานประกอบไปด้วย แลนทานัม, ซีเรียม, นีโอไดเมียม รวมถึงอะลูมิเนียม ทอง, เงิน, สังกะสี, ปรอท และลิเธียม ซึ่งแร่หายากเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการผลิตทุกสิ่งตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า, ดาวเทียม และเครื่องบิน