รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเผยว่า สหรัฐอาจเริ่มดำเนินการส่งตัวผู้อพยพชาวเฮติหลายพันคนกลับประเทศโดยเร็ว หลังผู้อพยพเหล่านี้ได้ลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกโดยผิดกฎหมาย และรวมตัวอยู่ที่บริเวณสะพานแห่งหนึ่งในเมืองเดลริโอในรัฐเท็กซัส
ข้อมูลในรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า รัฐบาลของปธน.ไบเดนได้เตรียมเที่ยวบินสำหรับอพยพในวันอาทิตย์ไว้ 3 เที่ยวบิน และจะจัดเที่ยวบินเพิ่มเติมหลังจากนั้น โดยข้อมูลดังกล่าวอ้างจากเจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยตัวตน
รายงานข่าวระบุว่า ตามแผนการของกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมินั้น รัฐบาลสหรัฐจะเร่งดำเนินการและเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเพื่อส่งตัวผู้อพยพกลับไปยังเฮติ และปลายทางในประเทศอื่นๆ ภายใน 72 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวได้ระงับเที่ยวบินส่งตัวผู้อพยพไปยังเฮติชั่วคราว หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมาและพายุโซนร้อนที่รุนแรง หลายสัปดาห์หลังเหตุการณ์ความไม่สงบในเฮติ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มีชาวเฮติกว่า 14,000 คนพักอยู่ใต้สะพานเดล ริโอ อินเตอร์เนชั่นแนล (Del Rio International Bridge) เพิ่มขึ้นจากหลักพันรายในชั่วระยะเวลาเพียง 10 วันที่ผ่านมา โดยผู้อพยพรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชายแดนเพื่อขอลี้ภัย
นายเกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสมีคำสั่งให้สำนักงานดูแลด้านความปลอดภัยสาธารณะและกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิประจำรัฐเท็กซัสปิดจุดผ่านเข้า-ออกทั้งหกจุดตลอดแนวพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก เพื่อป้องกันกลุ่มผู้อพยพไหลทะลักเข้ามา โดยนายแอ็บบอตต์ระบุว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนเผชิญกับวิกฤตอย่างหนัก ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองบริเวณชายแดนสหรัฐและเม็กซิโกเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 20 ปี เฉพาะเดือนส.ค.เพียงเดือนเดียวมีกว่า 208,000 คน